อีสุกอีใส (Chickenpox) เกิดจากเชื่อไวรัส varicella-zoster virus จึงสามารถเเพร่กระจายสู่คนอื่นได้ง่าย โดยการหายใจหรือสัมผัสของเหลวจากตุ่มน้ำ พบได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ โดยเฉพาะในคนที่ไม่เคยเป็นหรือไม่ได้รับวัคซีนป้องกัน การป้องกันจึงสำคัญกับโรคนี้มาก ๆ
อาการเริ่มเเรก มักขึ้นเป็นตุ่มเเดงคันเเละน้ำใส่ๆ โดยจะเริ่มเเพร่กระจาย 1-2 วันก่อนตุ่มขึ้น จนเมื่อ ตุ่มน้ำกลายเป็นสะเก็ดโดยมักจะใช้เวลา 5-6 วันหลังผื่นขึ้น
1. ป้องกันการเเพร่กระจายสู่ผู้อื่นโดยเฉพาะในเด็ก คนท้อง คนที่มีภูมิต้านทานต่ำ จึงควรหยุดงานจนตุ่มน้ำกลายเป็นสะเก็ดหรือประมาณ 5 วันครับ
2. ถ้าผื่นขึ้นเควรไปพบเเพทย์ ใน 24-48 ชม ทานยา Acyclocir(4 g/d) 800 mg 5 เวลา 7 วัน ในผู้ใหญ่นะครับ ซึ่งจะลดเวลาการเป็นโรคเเละความรุนเเรงได้ (โดยเฉพาะมีอาการปวดมาก, มีผื่นที่หน้าที่ตา, ในเด็กอ่อน, คนท้อง, คนที่มีภูมิต้านทานต่ำ, คนไข้โรคปอด, มีจุดเลือดออก) ( http://www.britishinfection.org/drupal/sites/default/files/jeffery08VZV_0.pdf )
3. ไม่ควรเกา ให้ตัดเล็บให้สั้น ถ้าคันมากให้ทานยาเเก้เเพ้ได้ เช่น Hydroxyzine or Chlorphenamine เเต่จะง่วง ที่ไม่ให้เกาเพราะถ้าเกาจนเป็นเเผลบุ๋มลงไปอาจทำให้เป็นรอยเเผลเป็นได้
4. ถ้าปวดหรือมีไข้ให้ทานยาแก้ปวดได้ เช่น Paracetamol (Tylenol)
5. โดยปกติส่วนใหญ่ตุ่มที่ขึ้นจะค่อย ๆ หายเองโดยไม่เหลือร่องรอย เเต่อาจมีรอยได้ เช่น รอยดำถ้ามีการอักเสบมาก หรือ รอยเเผลเป็นซี่งต้องรักษาดังนั้นถ้าเป็นควรรีบหาหมอใน 24 ชม ห้ามเเกะเกา
6. การรักษาเเผลก็คือ ดูเเลเเผลให้สะอาดป้องกันการติดเชื้อซ้ำจะทำให้อักเสบเป็นเเผลเป็นมากขึ้น ทาครีมบำรุงผิวเพื่อการสมานของผิวหลังอาบน้ำ
7. ในคนที่ไม่เคยเป็น สามารถป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีน Chickenpox vaccine โดยเฉพาะในคนที่อยู่กับคนที่มีภูมิต้านทานต่ำ คนท้องต้องฉีดก่อนอย่างน้อย 3 เดือน
ส่วนยา zoster immune globulin (ZIG) ใช้ในรายที่มีความเสี่ยงจะเป็นรุนแรง เช่น คนท้อง เด็กอ่อน หรือคนที่มีภูมิต้านทานต่ำ
ถ้าคุณเริ่มสังเกตว่ามีผื่นแดง คัน หรือลอกบริเวณมือ และกำลังกังวลว่าเกี่ยวกับอีสุกอีใสหรือไม่ อาการเหล่านี้อาจเป็น ผิวหนังอักเสบที่มือ ลองอ่านต่อเพื่อแยกความต่างและดูแนวทางการดูแลผิวให้เหมาะกับตัวเอง
การดูแลโรคอีสุกอีใสให้ถูกวิธีตั้งแต่เริ่มมีอาการ ช่วยลดความรุนแรงของโรค ลดความเสี่ยงของรอยแผลเป็น และลดการแพร่กระจายไปยังผู้อื่น โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ
เขียนบทความโดย
นพ. วุฒินันท์ สิทธิผลวนิชกุล (Wutinan Sithipolvanichgul, M.D.)
แพทย์ประจำ BSL Clinic เลขว. 39678
อีสุกอีใสเป็นโรคผื่นตุ่มน้ำใสที่เกิดจากเชื้อไวรัส Varicella-zoster ติดต่อกันได้ผ่านการไอ จาม ละอองฝอยในอากาศ และการสัมผัสน้ำจากตุ่มใสหรือสะเก็ดแผลของผู้ป่วย มักพบในเด็กแต่ผู้ใหญ่ก็สามารถเป็นได้เช่นกัน
โดยทั่วไปผู้ที่เคยเป็นอีสุกอีใสจะสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อนี้ในระยะยาว ทำให้โอกาสกลับมาเป็น “อีสุกอีใส” ซ้ำมีน้อยมาก อย่างไรก็ตาม เชื้อ Varicella-zoster จะยังคงแฝงตัวอยู่ในปมประสาท และอาจกลับมาก่อโรคในรูปแบบอื่นคือ “งูสวัด” ได้ในภายหลัง โดยเฉพาะในผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ
หากเริ่มมีไข้ ปวดเมื่อย และพบผื่นหรือตุ่มน้ำใสขึ้นตามลำตัว ใบหน้า หรือหนังศีรษะ ควรพบแพทย์เพื่อวินิจฉัย โดยเฉพาะในช่วง 24–48 ชั่วโมงแรกหลังเริ่มมีผื่น เพื่อประเมินความจำเป็นในการใช้ยาต้านไวรัสและวางแผนการดูแลที่เหมาะสม
ไม่ควรให้เด็กไปโรงเรียนจนกว่าตุ่มน้ำทั้งหมดจะแห้งและกลายเป็นสะเก็ด ซึ่งมักใช้เวลาประมาณ 5–7 วันหลังเริ่มมีผื่น เพื่อลดโอกาสแพร่เชื้อไปยังเพื่อนร่วมชั้น ครู และผู้ที่มีความเสี่ยง รวมถึงให้เด็กได้พักฟื้นจนร่างกายแข็งแรงก่อนกลับไปทำกิจกรรมตามปกติ
ในผู้ใหญ่ อีสุกอีใสบางรายอาจมีอาการรุนแรงกว่ากลุ่มเด็ก เช่น มีไข้สูง ผื่นขึ้นมาก หรือเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนบางอย่างได้มากขึ้น โดยเฉพาะในผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือภูมิคุ้มกันต่ำ จึงควรพบแพทย์เพื่อประเมินอาการและการดูแลอย่างใกล้ชิดหากเป็นอีสุกอีใสในวัยผู้ใหญ่
อีสุกอีใสมักเริ่มแพร่เชื้อได้ตั้งแต่ 1–2 วันก่อนมีผื่น และติดต่อได้จนกว่าตุ่มน้ำจะแห้งกลายเป็นสะเก็ดหมด กลุ่มที่ควรระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ หญิงตั้งครรภ์ ทารกเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง การหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยและการแยกตัวระหว่างที่ยังมีตุ่มน้ำจึงสำคัญมาก
แนวทางทั่วไป เช่น
พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมากพอ
รับประทานยาลดไข้ตามคำแนะนำ (หลีกเลี่ยงยาบางชนิดในเด็กตามดุลยพินิจแพทย์)
รักษาความสะอาดผิวและเล็บ เพื่อลดโอกาสติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน
ใส่เสื้อผ้าบาง ระบายอากาศดีเพื่อลดการระคายเคืองผิว
หากมีไข้สูงนาน หรือมีอาการผิดปกติอื่นร่วมด้วย ควรรีบพบแพทย์
การเกาหรือแกะตุ่มน้ำอาจทำให้ผิวฉีกขาด เกิดแผลถลอกและเสี่ยงติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนได้ง่าย รวมถึงเพิ่มโอกาสทิ้งรอยแผลเป็นหรือรอยบุ๋มหลังหาย การตัดเล็บให้สั้น สวมถุงมือบาง ๆ ขณะนอน และใช้ยาทา/ยากินเพื่อลดอาการคันตามคำแนะนำแพทย์ช่วยลดการเกาโดยไม่รู้ตัวได้
เมื่อสะเก็ดหลุดและผิวเริ่มปิดดีแล้ว สามารถเริ่มใช้ครีมให้ความชุ่มชื้น หรือผลิตภัณฑ์ดูแลรอยบางชนิดตามคำแนะนำของแพทย์ ร่วมกับการทาครีมกันแดดให้สม่ำเสมอ เพื่อลดโอกาสที่รอยจะคล้ำหรือนูนเด่นขึ้น ในบางกรณีที่มีรอยบุ๋มหรือรอยชัดมาก แพทย์อาจพิจารณาวิธีดูแลเพิ่มเติมในระยะถัดไป
วัคซีนอีสุกอีใสมีเป้าหมายเพื่อช่วยลดโอกาสการติดเชื้อครั้งแรก หรือหากติดเชื้อก็มีแนวโน้มให้อาการไม่รุนแรงเท่ากับผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน การพิจารณาฉีดวัคซีนควรปรึกษาแพทย์ โดยเฉพาะในเด็กที่ยังไม่เคยเป็นอีสุกอีใส และผู้ใหญ่ที่ไม่แน่ใจว่ามีภูมิคุ้มกันหรือไม่
ข้อมูลนี้จัดทำเพื่อให้ความรู้ทั่วไป ไม่ถือเป็นคำแนะนำทางการแพทย์หรือใช้แทนการพบแพทย์ หากมีอาการผิดปกติหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับสุขภาพผิวหรือหนังศีรษะ ควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้ง