Generic selectors
Exact matches only
Search in title
Search in content
Post Type Selectors
Generic selectors
Exact matches only
Search in title
Search in content
Post Type Selectors
Generic selectors
Exact matches only
Search in title
Search in content
Post Type Selectors
อีสุกอีใส

โรคอีสุกอีใส คืออะไร?

อีสุกอีใส (Chickenpox) เกิดจากเชื่อไวรัส varicella-zoster virus จึงสามารถเเพร่กระจายสู่คนอื่นได้ง่าย โดยการหายใจหรือสัมผัสของเหลวจากตุ่มน้ำ พบได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ โดยเฉพาะในคนที่ไม่เคยเป็นหรือไม่ได้รับวัคซีนป้องกัน การป้องกันจึงสำคัญกับโรคนี้มาก ๆ

อาการของอีสุกอีใส

อาการเริ่มเเรก มักขึ้นเป็นตุ่มเเดงคันเเละน้ำใส่ๆ โดยจะเริ่มเเพร่กระจาย 1-2 วันก่อนตุ่มขึ้น จนเมื่อ ตุ่มน้ำกลายเป็นสะเก็ดโดยมักจะใช้เวลา 5-6 วันหลังผื่นขึ้น

  • ไข้ต่ำ ๆ ปวดเมื่อยเนื้อตัว
  • มีผื่นแดงตามด้วยตุ่มน้ำใส กระจายทั่วร่างกาย
  • คัน และมีโอกาสติดเชื้อแบคทีเรียหากเกา
  • ระยะฟักตัว 10-21 วัน และเริ่มแพร่เชื้อได้ตั้งแต่ 1-2 วันก่อนมีผื่น

การรักษาอีสุกอีใส ที่มีประสิทธิภาพ

การรักษาอีสุกอีใส

1. ป้องกันการเเพร่กระจายสู่ผู้อื่นโดยเฉพาะในเด็ก คนท้อง คนที่มีภูมิต้านทานต่ำ จึงควรหยุดงานจนตุ่มน้ำกลายเป็นสะเก็ดหรือประมาณ 5 วันครับ

2. ถ้าผื่นขึ้นเควรไปพบเเพทย์ ใน 24-48 ชม ทานยา Acyclocir(4 g/d) 800 mg 5 เวลา 7 วัน ในผู้ใหญ่นะครับ ซึ่งจะลดเวลาการเป็นโรคเเละความรุนเเรงได้ (โดยเฉพาะมีอาการปวดมาก, มีผื่นที่หน้าที่ตา, ในเด็กอ่อน, คนท้อง, คนที่มีภูมิต้านทานต่ำ, คนไข้โรคปอด, มีจุดเลือดออก) ( http://www.britishinfection.org/drupal/sites/default/files/jeffery08VZV_0.pdf )

3. ไม่ควรเกา ให้ตัดเล็บให้สั้น ถ้าคันมากให้ทานยาเเก้เเพ้ได้ เช่น Hydroxyzine or Chlorphenamine เเต่จะง่วง ที่ไม่ให้เกาเพราะถ้าเกาจนเป็นเเผลบุ๋มลงไปอาจทำให้เป็นรอยเเผลเป็นได้

4. ถ้าปวดหรือมีไข้ให้ทานยาแก้ปวดได้ เช่น Paracetamol (Tylenol)

5. โดยปกติส่วนใหญ่ตุ่มที่ขึ้นจะค่อย ๆ หายเองโดยไม่เหลือร่องรอย เเต่อาจมีรอยได้ เช่น รอยดำถ้ามีการอักเสบมาก หรือ รอยเเผลเป็นซี่งต้องรักษาดังนั้นถ้าเป็นควรรีบหาหมอใน 24 ชม ห้ามเเกะเกา

6. การรักษาเเผลก็คือ ดูเเลเเผลให้สะอาดป้องกันการติดเชื้อซ้ำจะทำให้อักเสบเป็นเเผลเป็นมากขึ้น ทาครีมบำรุงผิวเพื่อการสมานของผิวหลังอาบน้ำ

7. ในคนที่ไม่เคยเป็น สามารถป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีน Chickenpox vaccine โดยเฉพาะในคนที่อยู่กับคนที่มีภูมิต้านทานต่ำ คนท้องต้องฉีดก่อนอย่างน้อย 3 เดือน

อาการอีสุกอีใส

ส่วนยา zoster immune globulin (ZIG) ใช้ในรายที่มีความเสี่ยงจะเป็นรุนแรง เช่น คนท้อง เด็กอ่อน หรือคนที่มีภูมิต้านทานต่ำ

แนวทางการดูแลตัวเอง

  1. พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมาก ๆ
    การพักผ่อนเป็นสิ่งสำคัญ เพราะร่างกายต้องใช้พลังงานในการฟื้นฟูและต่อสู้กับไวรัส การดื่มน้ำมาก ๆ จะช่วยรักษาความชุ่มชื้นของร่างกาย ป้องกันภาวะขาดน้ำ และช่วยลดไข้ทางอ้อมด้วย
  2. ใช้ยาลดไข้ เช่น พาราเซตามอล หลีกเลี่ยงยากลุ่มแอสไพริน
    พาราเซตามอลสามารถช่วยบรรเทาไข้และอาการปวดเมื่อยตามร่างกายได้อย่างปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงแอสไพรินในเด็กและวัยรุ่นที่มีอีสุกอีใส เพราะมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มอาการ Reye’s syndrome ซึ่งอาจส่งผลรุนแรงต่อสมองและตับ
  3. หากคันมาก ทานยาแก้แพ้ตามคำแนะนำ
    อาการคันจากตุ่มน้ำเป็นเรื่องที่พบได้บ่อย การใช้ยาแก้แพ้ชนิดรับประทาน เช่น Chlorpheniramine หรือ Hydroxyzine สามารถช่วยลดอาการคันได้ แต่ควรรับประทานตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร เนื่องจากยาบางชนิดอาจทำให้ง่วงซึม
  4. ห้ามแกะเกาตุ่ม เพื่อหลีกเลี่ยงรอยแผลเป็น
    ตุ่มน้ำที่เกิดขึ้นมีโอกาสติดเชื้อแบคทีเรียจากภายนอกได้ง่าย หากมีการแกะหรือเกา อาจทำให้เกิดแผลลึกขึ้น และเพิ่มโอกาสเกิดรอยแผลเป็นหลังการหาย ดังนั้นควรตัดเล็บให้สั้น และสวมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดีเพื่อลดการระคายเคือง
  5. ในกรณีผู้ใหญ่ เด็กอ่อน หรือคนที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ อาจพิจารณายาต้านไวรัส (เช่น Acyclovir)
    กลุ่มเสี่ยงที่กล่าวมามีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนสูง เช่น การติดเชื้อที่ปอด สมอง หรืออวัยวะอื่น ๆ การได้รับยาต้านไวรัส เช่น Acyclovir ภายใน 24–48 ชั่วโมงหลังเริ่มมีผื่น จะช่วยลดระยะเวลาและความรุนแรงของโรคได้ โดยการใช้ยานี้ควรอยู่ภายใต้การประเมินและสั่งจ่ายโดยแพทย์เท่านั้น

ถ้าคุณเริ่มสังเกตว่ามีผื่นแดง คัน หรือลอกบริเวณมือ และกำลังกังวลว่าเกี่ยวกับอีสุกอีใสหรือไม่ อาการเหล่านี้อาจเป็น ผิวหนังอักเสบที่มือ ลองอ่านต่อเพื่อแยกความต่างและดูแนวทางการดูแลผิวให้เหมาะกับตัวเอง

สรุป

การดูแลโรคอีสุกอีใสให้ถูกวิธีตั้งแต่เริ่มมีอาการ ช่วยลดความรุนแรงของโรค ลดความเสี่ยงของรอยแผลเป็น และลดการแพร่กระจายไปยังผู้อื่น โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ

เขียนบทความโดย

นพ. วุฒินันท์ สิทธิผลวนิชกุล (Wutinan Sithipolvanichgul, M.D.)
แพทย์ประจำ BSL Clinic เลขว. 39678

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับอีสุกอีใส

อีสุกอีใสเป็นโรคผื่นตุ่มน้ำใสที่เกิดจากเชื้อไวรัส Varicella-zoster ติดต่อกันได้ผ่านการไอ จาม ละอองฝอยในอากาศ และการสัมผัสน้ำจากตุ่มใสหรือสะเก็ดแผลของผู้ป่วย มักพบในเด็กแต่ผู้ใหญ่ก็สามารถเป็นได้เช่นกัน

โดยทั่วไปผู้ที่เคยเป็นอีสุกอีใสจะสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อนี้ในระยะยาว ทำให้โอกาสกลับมาเป็น “อีสุกอีใส” ซ้ำมีน้อยมาก อย่างไรก็ตาม เชื้อ Varicella-zoster จะยังคงแฝงตัวอยู่ในปมประสาท และอาจกลับมาก่อโรคในรูปแบบอื่นคือ “งูสวัด” ได้ในภายหลัง โดยเฉพาะในผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ

หากเริ่มมีไข้ ปวดเมื่อย และพบผื่นหรือตุ่มน้ำใสขึ้นตามลำตัว ใบหน้า หรือหนังศีรษะ ควรพบแพทย์เพื่อวินิจฉัย โดยเฉพาะในช่วง 24–48 ชั่วโมงแรกหลังเริ่มมีผื่น เพื่อประเมินความจำเป็นในการใช้ยาต้านไวรัสและวางแผนการดูแลที่เหมาะสม

ไม่ควรให้เด็กไปโรงเรียนจนกว่าตุ่มน้ำทั้งหมดจะแห้งและกลายเป็นสะเก็ด ซึ่งมักใช้เวลาประมาณ 5–7 วันหลังเริ่มมีผื่น เพื่อลดโอกาสแพร่เชื้อไปยังเพื่อนร่วมชั้น ครู และผู้ที่มีความเสี่ยง รวมถึงให้เด็กได้พักฟื้นจนร่างกายแข็งแรงก่อนกลับไปทำกิจกรรมตามปกติ

ในผู้ใหญ่ อีสุกอีใสบางรายอาจมีอาการรุนแรงกว่ากลุ่มเด็ก เช่น มีไข้สูง ผื่นขึ้นมาก หรือเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนบางอย่างได้มากขึ้น โดยเฉพาะในผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือภูมิคุ้มกันต่ำ จึงควรพบแพทย์เพื่อประเมินอาการและการดูแลอย่างใกล้ชิดหากเป็นอีสุกอีใสในวัยผู้ใหญ่

อีสุกอีใสมักเริ่มแพร่เชื้อได้ตั้งแต่ 1–2 วันก่อนมีผื่น และติดต่อได้จนกว่าตุ่มน้ำจะแห้งกลายเป็นสะเก็ดหมด กลุ่มที่ควรระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ หญิงตั้งครรภ์ ทารกเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง การหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยและการแยกตัวระหว่างที่ยังมีตุ่มน้ำจึงสำคัญมาก

แนวทางทั่วไป เช่น

  • พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมากพอ

  • รับประทานยาลดไข้ตามคำแนะนำ (หลีกเลี่ยงยาบางชนิดในเด็กตามดุลยพินิจแพทย์)

  • รักษาความสะอาดผิวและเล็บ เพื่อลดโอกาสติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน

  • ใส่เสื้อผ้าบาง ระบายอากาศดีเพื่อลดการระคายเคืองผิว
    หากมีไข้สูงนาน หรือมีอาการผิดปกติอื่นร่วมด้วย ควรรีบพบแพทย์

การเกาหรือแกะตุ่มน้ำอาจทำให้ผิวฉีกขาด เกิดแผลถลอกและเสี่ยงติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนได้ง่าย รวมถึงเพิ่มโอกาสทิ้งรอยแผลเป็นหรือรอยบุ๋มหลังหาย การตัดเล็บให้สั้น สวมถุงมือบาง ๆ ขณะนอน และใช้ยาทา/ยากินเพื่อลดอาการคันตามคำแนะนำแพทย์ช่วยลดการเกาโดยไม่รู้ตัวได้

เมื่อสะเก็ดหลุดและผิวเริ่มปิดดีแล้ว สามารถเริ่มใช้ครีมให้ความชุ่มชื้น หรือผลิตภัณฑ์ดูแลรอยบางชนิดตามคำแนะนำของแพทย์ ร่วมกับการทาครีมกันแดดให้สม่ำเสมอ เพื่อลดโอกาสที่รอยจะคล้ำหรือนูนเด่นขึ้น ในบางกรณีที่มีรอยบุ๋มหรือรอยชัดมาก แพทย์อาจพิจารณาวิธีดูแลเพิ่มเติมในระยะถัดไป

วัคซีนอีสุกอีใสมีเป้าหมายเพื่อช่วยลดโอกาสการติดเชื้อครั้งแรก หรือหากติดเชื้อก็มีแนวโน้มให้อาการไม่รุนแรงเท่ากับผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน การพิจารณาฉีดวัคซีนควรปรึกษาแพทย์ โดยเฉพาะในเด็กที่ยังไม่เคยเป็นอีสุกอีใส และผู้ใหญ่ที่ไม่แน่ใจว่ามีภูมิคุ้มกันหรือไม่

ข้อมูลนี้จัดทำเพื่อให้ความรู้ทั่วไป ไม่ถือเป็นคำแนะนำทางการแพทย์หรือใช้แทนการพบแพทย์ หากมีอาการผิดปกติหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับสุขภาพผิวหรือหนังศีรษะ ควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้ง

สำหรับใครที่เพิ่งมีผื่นอีสุกอีใสและกังวลเรื่องรอยแผลเป็นในระยะยาว สามารถแจ้งช่วงเวลาที่เริ่มมีผื่น ตำแหน่งที่เป็นมากที่สุด และยาที่ใช้อยู่ สามารถส่งรูปปรึกษาได้ที่