สามารถดูแลให้กระจ่างใสขึ้นได้ โดยแพทย์
ผิวรอบดวงตาเป็นจุดที่สะท้อนความเหนื่อยล้าได้ชัด ทั้งรอยคล้ำ ริ้วรอยเล็ก ๆ และถุงใต้ตาที่ทำให้หน้าดูหมองกว่าที่รู้สึก เลเซอร์ผิวรอบดวงตาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่นำมาใช้ร่วมกับการประเมินผิวและปัจจัยพื้นฐานของแต่ละคน เพื่อจัดลำดับว่าควรดูแลด้านใดเป็นพิเศษ หน้านี้จึงสรุปปัญหาที่มักพบรอบดวงตา แนวทางดูแลร่วมกันระหว่างคนไข้กับแพทย์ และตัวอย่างวิธีช่วยให้ผิวรอบดวงตาดูสดใสขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ผิวรอบดวงตาเป็นบริเวณที่บอบบางและละเอียดอ่อนกว่าส่วนอื่นของใบหน้า ทำให้มีโอกาสเกิดปัญหาต่างๆ ได้ง่าย รอยคล้ำใต้ตาเป็นหนึ่งในปัญหาที่หลายคนกังวล ไม่ว่ารอยคล้ำใต้ตาจะเกิดขึ้นแล้วหรือยังไม่ปรากฏ ก็ควรทำความเข้าใจเพื่อป้องกันและดูแลอย่างเหมาะสม เพื่อให้ผิวรอบดวงตาดูสดใสอย่างยาวนาน เราสามารถจำแนกประเภทของรอยคล้ำใต้ตาพร้อมแนวทางการดูแลได้ดังนี้
ถุงใต้ตาบวมเกิดจากการสะสมของน้ำและไขมันรอบดวงตา ซึ่งอาจเพิ่มขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น เนื่องจากคอลลาเจนและอิลาสตินอาจลดลง ส่งผลให้ผิวรอบดวงตาดูหย่อนคล้อย เมื่อมีการสะสมของไขมันและน้ำใต้ตาเพิ่มขึ้น อาจทำให้ถุงใต้ตาดูชัดขึ้น
นอกจากนี้ การคั่งของน้ำบริเวณใต้ตาอาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น โรคภูมิแพ้ การติดเชื้อในโพรงไซนัส ความดันโลหิตสูง การรับประทานอาหารที่มีโซเดียมสูง หรือแม้แต่การร้องไห้ก็อาจส่งผลต่ออาการบวมชั่วคราว
รอยหมองคล้ำใต้ตาอาจเกิดจากการไหลเวียนของเลือดที่ไม่สมดุล ทำให้เส้นเลือดขยายตัว และเกิดการคั่งของเลือดบริเวณรอบดวงตา นอกจากนี้ ยังอาจเกิดจากการสะสมของเมลานินใต้ผิวหนัง ซึ่งมีปัจจัยจากพันธุกรรมหรือปัจจัยอื่นๆ เช่น การระคายเคืองจากพฤติกรรม เช่น การถูหรือขยี้ตาบ่อยๆ หรือปัจจัยอื่น เช่น ผิวหนังอักเสบ (eczema) และการแพ้เครื่องสำอาง
ริ้วรอยรอบดวงตาอาจเกิดจากการลดลงของคอลลาเจนและอิลาสติน ส่งผลให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่นและกระชับ ทำให้เกิดริ้วรอยรอบดวงตา โดยเฉพาะบริเวณหางตาและใต้ตา ผิวรอบดวงตามีแนวโน้มเกิดริ้วรอยได้เร็วกว่าบริเวณอื่น เนื่องจากมีความบอบบาง นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยกระตุ้นอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อการเกิดริ้วรอย เช่น การแสดงสีหน้าบ่อยๆ (ยิ้ม หัวเราะ ร้องไห้) การสัมผัสแสงแดดเป็นเวลานาน การสูบบุหรี่ และการระคายเคืองเรื้อรังของผิวรอบดวงตา ซึ่งปัจจัยเหล่านี้อาจมีผลต่อการเกิดริ้วรอยรอบดวงตาได้
1. หลีกเลี่ยงปัจจัยที่อาจส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือด เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ และการรับประทานอาหารที่มีโซเดียมสูง
2. ทำความสะอาดรอบดวงตาด้วยผลิตภัณฑ์สูตรอ่อนโยน และหลีกเลี่ยงการขยี้ตาแรงๆ
3. พักผ่อนให้เพียงพอ และลดความเครียด ซึ่งอาจช่วยลดเลือนรอยคล้ำใต้ตาได้
4. ดูแลผิวรอบดวงตาด้วยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม และมีส่วนผสมที่ช่วยบำรุงความชุ่มชื้น
5. การดูแลด้วยเลเซอร์เป็นหนึ่งในทางเลือกที่ได้รับความนิยม ซึ่งควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ เช่น
ปัญหารอบดวงตาอาจมีความซับซ้อน เนื่องจากหลายคนอาจมีปัญหาหลายอย่างเกิดขึ้นพร้อมกัน ทำให้การดูแลต้องอาศัยวิธีการที่หลากหลายเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น การดูแลผิวรอบดวงตาตั้งแต่เนิ่นๆ อาจช่วยชะลอการเกิดปัญหาผิวในอนาคต
เขียนบทความโดย :
แพทย์ประจำ BSL Clinic เลขว. 39676