Fraxel Program คือเทคโนโลยีเลเซอร์ที่พัฒนาเพื่อใช้ในการดูแลผิวพรรณ โดยออกแบบมาให้ลงลึกเฉพาะจุด (Fractional Laser) เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ และช่วยฟื้นฟูผิวที่มีปัญหา เช่น รอยแผลเป็น รอยหลุมสิว หรือริ้วรอยต่าง ๆ
อย่างไรก็ตาม แม้จะใช้ชื่อว่า Fraxel Program เหมือนกัน แต่ละรุ่นของเครื่องนี้มีลักษณะการปล่อยพลังงาน ความยาวคลื่น และความสามารถในการลงลึกที่ต่างกัน ส่งผลให้ผลลัพธ์หลังการรักษาอาจแตกต่างกันตามเทคโนโลยีที่ใช้ โดยหลักการคือเป็นเครื่อง Fractional ER : Glass
Er : Glass ย่อมาจาก Erbium-doped Glass เป็นแหล่งกำเนิดเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่นประมาณ 1550 นาโนเมตร ความยาวคลื่นนี้เหมาะกับการดูแลชั้นผิวในระดับกลางถึงลึก เช่น ปัญหารอยหลุมสิว ริ้วรอยตื้นถึงปานกลาง และรูขุมขนกว้าง
เมื่อยิงเลเซอร์ลงไป จะกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนใหม่ใต้ผิว ส่งผลให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้นในระยะเวลาต่อมา เนื่องจากเป็นแบบ non – ablative (ไม่ลอกผิวด้านบน) ผิวจึงไม่บางลง และโดยทั่วไปมักใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลหลังการทำของแต่ละคน
ทำเลเซอร์ Fraxel Program ทั้งที ควรเลือกอย่างไร
Fraxel Program เป็นชื่อทางการค้าของเลเซอร์ชนิด Fractional Er : Glass ที่มีความเฉพาะในด้านเทคโนโลยีและการส่งพลังงานลงสู่ผิว ร่วมกับการตั้งค่าที่สามารถปรับลึกได้หลายระดับ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีเลเซอร์ที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกันหลายชนิดในท้องตลาด ดังนั้นผู้ที่สนใจควรสอบถามชื่อรุ่นเครื่องและขอรับคำแนะนำจากแพทย์เพื่อให้เลือกเครื่องมือที่เหมาะสมกับสภาพผิวและเป้าหมายการรักษาของแต่ละบุคคล
มี 3 รุ่นแต่ละรุ่นสามารถปรับพลังงานให้ลงลึกได้ไม่เหมือนกัน เพราะความยาวคลื่นต่างกัน และช่วงพลังงานที่สามารถตั้งค่าได้ในแต่ละเครื่องแตกต่างกัน ดังนั้นผลการรักษาเลยได้ไม่เท่ากัน เช่น สิว หลุมสิว ต่อมไขมัน หรือปัญหารอยแผลเป็น ซึ่งสาเหตุของรอยโรคอยู่ลึกลงอีก ตั้งพลังงานเลเซอร์หรือใช้เครื่องรุ่นที่ไม่เหมาะสมกับผิวและปัญหา ก็อาจทำให้ผลการดูแลไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ดังนั้นเป้าหมายหรือปัญหาที่ต้องการรักษา จึงต้องอาศัยทักษะและดุลพินิจของแพทย์ ควรโฟกัสได้ตรงกับปัญหาและความลึกของรอยโรค เพื่อให้ผลการรักษาใกล้เคียงกับเป้าหมายที่วางไว้
พลังงานเลเซอร์ ลงไปทำงานโฟกัสปัญหาผิวที่ใต้ผิว โดยลดการระคายเคืองของผิวชั้นหนังกำพร้า ลดโอกาสผิวหน้าบาง อีกทั้งยังส่งพลังงานลงความลึกได้ถึง 1400 ไมครอน (Depth of Penetration Up to 1400µm) จากข้อมูลเคสด้านเลเซอร์ที่สั่งสมมาตั้งแต่ยุคอนันต์คลินิก มาสู่ BSL Clinic ช่วยให้การปรับตั้งค่าพลังงานเลเซอร์สอดคล้องกับเป้าหมายการดูแลผิวของแต่ละคนมากขึ้นเพื่อให้เลเซอร์ไปทำงานตามเป้าหมาย เพื่อดูแลปัญหารอยแผลเป็น สิว หลุมสิว รอยดำ และฝ้า และให้ผิวหน้าใสขึ้น
การเลือกใช้เครื่องมือเลเซอร์ และเทคนิคที่เหมาะสมกับสภาพผิวและปัญหาของแต่ละบุคคล มีส่วนสำคัญต่อประสิทธิภาพของการรักษา หากไม่สอดคล้องกับเป้าหมาย อาจทำให้ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง การวางแผนร่วมกับแพทย์จึงเป็นอีกขั้นตอนที่ควรให้ความสำคัญ
การทำเลเซอร์ Fraxel Program แม้จะใช้ชื่อเดียวกัน แต่ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันได้ ขึ้นอยู่กับรุ่นของเครื่อง, ความลึกของพลังงานที่ใช้ และความเข้าใจของแพทย์ในการประเมินและวางแผนการรักษา การเลือกสถานพยาบาลที่ระบุชื่อรุ่นและข้อมูลเทคโนโลยี Fraxel Laser จากผู้ผลิตอย่างชัดเจน ร่วมกับการวางแผนร่วมกับแพทย์ที่เข้าใจปัญหาผิวของแต่ละคน จะช่วยให้แนวทางการรักษาใกล้เคียงกับเป้าหมายที่วางไว้มากขึ้น
เขียนบทความโดย
นพ. วุฒินันท์ สิทธิผลวนิชกุล (Wutinan Sithipolvanichgul, M.D.)
แพทย์ประจำ BSL Clinic เลขว. 39678
Fraxel Program มักใช้ดูแลปัญหาผิวที่มีความลึกระดับชั้นผิวกลางถึงลึก เช่น หลุมสิว รอยแผลเป็นจากสิวหรือการผ่าตัด ริ้วรอยตื้นถึงปานกลาง รอยดำ รอยหมอง สีผิวไม่สม่ำเสมอ รูขุมขนกว้าง รวมถึงช่วยให้พื้นผิวโดยรวมดูเรียบเนียนขึ้น โดยแพทย์จะประเมินก่อนว่าปัญหาผิวแบบไหนเหมาะกับการใช้โปรแกรมนี้ร่วมด้วย
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น การเลือกคลื่นเลเซอร์หรือรุ่นเครื่องให้เหมาะกับปัญหา การตั้งค่าพลังงานให้ถึงชั้นผิวที่ต้องการดูแล จำนวนครั้งที่ทำ และการดูแลผิวหลังทำ หากพลังงานไม่เพียงพอ ทำไม่ครบตามจำนวนครั้งที่แนะนำ หรือผิวได้รับแสงแดดและการระคายเคืองบ่อย ผลลัพธ์อาจดูไม่ชัดเจนเท่าที่ควร
ตัวอย่างเช่น Program Fraxel Restore 1550 nm จัดอยู่ในกลุ่มเลเซอร์แบบ non-ablative คือเน้นกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวด้านล่าง โดยไม่มีการกรอหรือลอกผิวชั้นบนออกทั้งหมด จึงลดโอกาสที่ผิวหน้าจะถูกลอกจนบางลงจากตัวเลเซอร์เอง อย่างไรก็ตาม การดูแลผิวหลังทำ เช่น การหลบแดดและใช้ครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ ยังคงสำคัญมาก
โดยทั่วไปมักแนะนำให้ทำต่อเนื่องประมาณ 3–5 ครั้ง ห่างกันครั้งละราว 4–6 สัปดาห์ ขึ้นกับปัญหาและสภาพผิวของแต่ละคน หลังทำแต่ละครั้งผิวมักค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงขึ้นทีละน้อย และกระบวนการสร้างคอลลาเจนจะยังดำเนินต่อเนื่องหลังจบคอร์สไปอีกระยะหนึ่ง
ก่อนทำมักมีการทายาชาหรือเตรียมผิวเพื่อลดความรู้สึกไม่สบาย ระหว่างทำอาจรู้สึกอุ่น ๆ หรือแปลบเล็กน้อยทีละจุด ขึ้นอยู่กับพลังงานที่ใช้และความไวของผิวแต่ละคน หากระหว่างทำรู้สึกแสบหรือร้อนมากสามารถแจ้งให้แพทย์ทราบเพื่อปรับการดูแลได้
หลังทำมักมีอาการหน้าแดง รู้สึกตึง หรือมีผิวลอกละเอียดเล็กน้อยในช่วง 3–7 วันแรก แล้วค่อย ๆ ดีขึ้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงแดดจัด ความร้อนสูง หรืองานกลางแจ้งต่อเนื่อง และดูแลความชุ่มชื้นของผิวให้ดี เพื่อลดโอกาสระคายเคือง
ส่วนใหญ่สามารถประเมินเพื่อใช้โปรแกรมนี้ได้ แต่ในบางราย เช่น ผิวที่ไวต่อแสงมาก มีผื่นอักเสบอยู่ในบริเวณนั้น หรือต่อเนื่องจากการทำหัตถการอื่นในระยะใกล้กัน อาจจำเป็นต้องปรับแผนหรือเลื่อนเวลาออกไปก่อน จึงควรให้แพทย์ตรวจผิวและซักประวัติโดยละเอียดก่อนเริ่มทำ
Fraxel Program จะยิงเป็นจุดเล็ก ๆ จำนวนมาก (fractional) ลงไปในชั้นผิว เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเองและสร้างคอลลาเจนใหม่ โดยเว้นเนื้อเยื่อปกติระหว่างจุดเล็ก ๆ ให้ช่วยในการฟื้นตัว ความต่างจากเลเซอร์ชนิดอื่นอยู่ที่ความยาวคลื่น วิธีส่งพลังงาน และระดับการลงลึก ซึ่งแพทย์จะเลือกชนิดที่เหมาะกับปัญหาและสภาพผิวแต่ละคน
ในหลายเคส Fraxel Program ถูกใช้เป็นหนึ่งในตัวเลือกสำหรับช่วยให้พื้นผิวเรียบขึ้น และช่วยให้สีผิวดูสม่ำเสมอกว่าเดิม แต่มักใช้ร่วมกับวิธีอื่น เช่น ยาทา ครีมบำรุง การดูแลรอยดำ หรือหัตถการอื่นที่ช่วยเสริมกันในแต่ละช่วง การวางแผนจะขึ้นอยู่กับว่าเจ้าของผิวต้องการโฟกัสหลุมสิว รอยดำ หรือทั้งสองอย่างควบคู่กัน
แนะนำให้เตรียมข้อมูลปัญหาที่กังวลเป็นหลัก (เช่น หลุมสิว ริ้วรอย หรือรอยแผลเป็น) ประวัติการทำเลเซอร์หรือหัตถการมาก่อน รวมถึงสกินแคร์และยาที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน หากมีรูปก่อน–หลังจากการรักษาที่เคยทำมาก่อนจะช่วยให้แพทย์ประเมินแนวโน้มผิวของแต่ละคนได้ชัดเจนขึ้น
ข้อมูลนี้จัดทำเพื่อให้ความรู้ทั่วไป ไม่ถือเป็นคำแนะนำทางการแพทย์หรือใช้แทนการพบแพทย์ หากมีอาการผิดปกติหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับสุขภาพผิวหรือหนังศีรษะ ควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้ง