หลายคนที่มีปัญหาสิวอาจลังเลที่จะใช้ครีมกันแดด เพราะกลัวว่าจะทำให้สิวเห่อขึ้น หรือรูขุมขนอุดตันมากขึ้น แต่ในความเป็นจริง รังสียูวี (UV) จากแสงแดดสามารถกระตุ้นให้ผิวระคายเคือง เกิดการอักเสบมากขึ้น และอาจทำให้รอยดำสิวฝังลึกขึ้นได้ หากไม่ได้ปกป้องผิวอย่างถูกต้อง ดังนั้นการเลือกครีมกันแดดที่เหมาะกับ “ผิวเป็นสิว” จึงสำคัญไม่แพ้ขั้นตอนการรักษา
คุณสมบัติของครีมกันแดดที่เหมาะสำหรับผิวเป็นสิว มีดังนี้ การเลือกครีมกันแดดสำหรับคนที่เป็นสิวควรพิจารณาคุณสมบัติต่อไปนี้
แม้จะเลือกครีมกันแดดได้เหมาะแล้ว แต่ถ้าวิธีทาไม่ถูกต้อง ก็อาจทำให้เกิดสิวได้เช่นกัน
การใช้ครีมกันแดดเป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญของการดูแลผิว โดยเฉพาะในผู้ที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่าย การเลือกผลิตภัณฑ์ที่ “เหมาะกับผิว” ปราศจากสารระคายเคือง และมีวิธีใช้ที่ถูกต้อง อาจช่วยลดโอกาสการเกิดสิว และช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV ได้อย่างเหมาะสม ทั้งนี้ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละคน
เขียนบทความโดย
พญ.วิภาณี อัครภูษิต (Wipanee Akarapusit M.D.)
แพทย์ประจำ BSL Clinic เลขว. 39676
อาจเกิดจากครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของน้ำมัน แอลกอฮอล์ หรือเนื้อครีมที่ค่อนข้างหนัก ซึ่งมีโอกาสทำให้รูขุมขนอุดตันและกลายเป็นสิวอุดตันได้ นอกจากนี้การล้างหน้าไม่สะอาด การทาผลิตภัณฑ์หลายชั้นเกินไป หรือใช้กันแดดที่ไม่เหมาะกับสภาพผิวก็ล้วนเป็นปัจจัยร่วมได้เช่นกัน
ผิวมันยังคงต้องการการปกป้องจากแสงแดดเช่นเดียวกับสภาพผิวอื่น ๆ เพราะรังสี UV สามารถทำลายคอลลาเจน กระตุ้นให้เกิดรอยดำ รอยสิว และอาจทำให้ผิวมันไม่สมดุลมากขึ้นได้ หากไม่ทาครีมกันแดด ผิวมีโอกาสถูกทำร้ายจากแสงแดดสะสมในระยะยาว
ทั้งสองแบบมีข้อดีต่างกัน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและความสบายผิวของแต่ละคน หากผิวแพ้ง่าย มักแนะนำให้ลองกันแดดแบบ Physical เป็นตัวเลือกหนึ่ง เพราะเคลือบผิวด้านบนเป็นหลัก ส่วนคนที่ต้องการเนื้อสัมผัสบางเบา ซึมง่าย หรือไม่ชอบความรู้สึกเหนอะหนะ อาจเลือกแบบ Chemical หรือสูตรผสม (Hybrid) โดยควรทดลองให้เหมาะกับผิวตัวเองมากที่สุด
ควรตรวจดูคำบ่งชี้บนฉลาก เช่น non-comedogenic (ไม่เน้นการอุดตันรูขุมขน), oil-free หรือเหมาะกับผิวมัน/ผิวเป็นสิว และหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำมันบางชนิดหรือแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก หากเป็นไปได้ควรเลือกสูตรที่ให้ความรู้สึกบางเบา เกลี่ยง่าย และล้างออกได้ไม่ยาก เพื่อลดโอกาสที่สิวจะกำเริบ
ลองสังเกตว่าปัญหาเริ่มหลังจากใช้ผลิตภัณฑ์ตัวใดตัวหนึ่งหรือไม่ จากนั้นอาจหยุดใช้กันแดดตัวนั้นชั่วคราว แล้วเปลี่ยนเป็นสูตรอื่นที่เนื้อบางเบากว่า หรือเลือกชนิดเจล/ฟลูอิด และเน้นการล้างหน้าให้สะอาดเหมาะสมในตอนเย็น หากหยุดใช้แล้วสิวยังไม่ดีขึ้น หรือเป็นมากขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสาเหตุเพิ่มเติม
สภาพผิวที่มีแนวโน้มเป็นสิวมักรู้สึกสบายกับเนื้อกันแดดแบบเจล ฟลูอิด หรือโลชั่นบางเบา เพราะกระจายตัวง่ายและมักให้ความรู้สึกเบาผิวกว่าครีมเนื้อหนัก อย่างไรก็ตาม บางคนที่ใช้ยารักษาสิวจนผิวแห้งลอก อาจต้องการเนื้อที่มีความชุ่มชื้นมากขึ้น จึงควรเลือกตามความรู้สึกสบายผิวและลองปรับให้เหมาะกับตัวเอง
การใช้ยารักษาสิวบางชนิดอาจทำให้ผิวแห้งและไวต่อแดดมากขึ้น การเลือกครีมกันแดดจึงควรเน้นสูตรที่อ่อนโยน เติมความชุ่มชื้นได้พอสมควร และไม่รู้สึกระคายเคืองเมื่อทา ควรลองทาจำนวนเล็กน้อยบริเวณเล็ก ๆ ก่อน หากไม่มีอาการแสบแดงผิดปกติจึงค่อยเริ่มใช้กับผิวทั้งหน้า หากไม่แน่ใจ ควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากแพทย์ที่ดูแลอยู่
โดยหลักการมักแนะนำให้ทากันแดดซ้ำทุก 2–3 ชั่วโมงหากต้องออกแดดต่อเนื่อง แต่ในชีวิตจริงอาจปรับตามกิจกรรมและประเภทกันแดดที่ใช้ หากแต่งหน้าอยู่ อาจเลือกใช้กันแดดในรูปแบบแป้งฝุ่นหรือสเปรย์ (ที่ออกแบบมาสำหรับผิวหน้า) ทาทับเบา ๆ ทั้งนี้ ความถี่ในการทาซ้ำควรคำนึงถึงความสบายผิวและไม่ทำให้รู้สึกอุดตันมากเกินไป
การล้างหน้าให้สะอาดในตอนเย็นเป็นขั้นตอนสำคัญสำหรับคนที่มีสิวง่าย อาจใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า 1–2 ขั้นตอน เช่น เมคอัพรีมูฟเวอร์หรือคลีนซิ่งที่เหมาะกับผิว ตามด้วยโฟมหรือเจลล้างหน้าที่อ่อนโยน และหลีกเลี่ยงการถูแรง ๆ บนผิวหน้า หากล้างสะอาดพอ โอกาสที่คราบกันแดดและสิ่งสกปรกจะสะสมจนกลายเป็นสิวอุดตันก็อาจลดลงได้
หากเริ่มมีสิวอุดตันหรือสิวอักเสบเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนหลังเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์บางตัว และลองหยุดใช้แล้วอาการยังไม่ดีขึ้น หรือมีผื่นแดง แสบ คันร่วมด้วย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสาเหตุอย่างละเอียด เพราะอาจมีปัจจัยอื่น ๆ เกี่ยวข้อง เช่น ฮอร์โมน การใช้ยาบางชนิด หรือสกินแคร์ตัวอื่นร่วมด้วย การประเมินแบบรายบุคคลจะช่วยวางแผนดูแลผิวได้เหมาะสมมากขึ้น
ข้อมูลนี้จัดทำเพื่อให้ความรู้ทั่วไป ไม่ถือเป็นคำแนะนำทางการแพทย์เฉพาะบุคคล ผู้ที่มีอาการผิดปกติควรพบแพทย์ทุกครั้งก่อนตัดสินใจรับการรักษา