หลายคนมีแผลเป็นที่หน้า ลำตัว หรือแขนขา จนไม่ค่อยกล้าใส่เสื้อแขนกุด กางเกงขาสั้น หรือชุดว่ายน้ำเหมือนเดิม โปรแกรมดูแลแผลเป็นและเลเซอร์แผลเป็นของ BSL จึงให้ความสำคัญกับทั้งรูปลักษณ์ของแผลและความสบายใจของแต่ละคน โดยเริ่มจากการตรวจดูชนิดแผลเป็น ระยะเวลาที่เป็นอยู่ และอาการร่วม เช่น คัน หรือเจ็บแสบบางช่วง จากนั้นจึงค่อยวางแผนการดูแลร่วมกันเป็นระยะ เพื่อช่วยให้ลักษณะแผลเป็นค่อย ๆ ดูนุ่มนวลและกลมกลืนกับผิวรอบข้างมากขึ้นตามเวลา
แผลเป็นมีหลายลักษณะ เช่น
แผลเป็นนูน (Hypertrophic)
คีลอยด์ (Keloid)
หลุมแผลเป็น (Atrophic Scar)
รอยแตกลาย (Striae)
แต่ละแบบเกิดจากกระบวนการซ่อมแซมผิวที่แตกต่างกัน
คีลอยด์: เนื้อเยื่อใหม่ลุกลามเกินขอบแผลเดิม
แผลเป็นนูน: นูนเฉพาะบริเวณแผลเดิม
สาเหตุและการดูแลเหมือนกันบางส่วน แต่อาจต้องประเมินลักษณะเฉพาะจุด
ปัจจัยได้แก่ พันธุกรรม สภาพผิว การอักเสบในแผลเดิม ตำแหน่งแผล และอายุ บางคนมีแนวโน้มเป็นมากกว่าคนอื่น
เกิดจากการยืดขยายของผิวอย่างรวดเร็ว เช่น ช่วงวัยรุ่น ตั้งครรภ์ ออกกำลังกายเพิ่มกล้ามเนื้อ หรือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
บางชนิดอาจค่อย ๆ จางลง เช่น รอยแตกลายใหม่ที่เป็นสีแดง แต่หลายกรณีต้องดูแลต่อเนื่อง เพื่อให้ลักษณะผิวสม่ำเสมอขึ้นตามธรรมชาติ
ต่างกันเพราะต้นเหตุและชั้นผิวที่ได้รับผลไม่เหมือนกัน หลุมสิวมักอยู่ชั้นผิวลึก ส่วนแผลเป็นตามร่างกายมักเกี่ยวข้องกับการซ่อมแซมผิวจากบาดแผลหรือการเสียดสี
เกิดจากกระบวนการอักเสบในผิว ทำให้เม็ดสีทำงานมากขึ้นหลังบาดแผล ผิวจึงดูเข้มขึ้น เช่น รอยดำหลังสิวหรือหลังการเสียดสี
ยิ่งดูแลเร็ว (ในช่วงผิวกำลังซ่อมแซม) ยิ่งช่วยลดโอกาสที่ผิวจะเกิดความไม่สม่ำเสมอ แต่ควรเลือกวิธีที่เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
รีวิวแต่ละรายมีสภาพผิวไม่เหมือนกัน ควรใช้เพื่อ “ทำความเข้าใจแนวทาง” ไม่ใช่เทียบผลลัพธ์ และควรสังเกตว่ารีวิวนั้นมีการระบุเวลาของภาพ และเป็นภาพที่ไม่ได้ปรับแต่ง (ตามหลักเกณฑ์ สบส.) เพื่อความถูกต้องของข้อมูล
รักษาความชุ่มชื้นผิว
หลีกเลี่ยงแดด
สังเกตการเปลี่ยนแปลงของสีผิว
เลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่ระคายเคือง
ลดการเสียดสีกับบริเวณแผล
การดูแลต่อเนื่องช่วยให้ผิวค่อย ๆ สม่ำเสมอขึ้นตามธรรมชาติของผิวแต่ละคน



ภาพก่อน-หลังการรักษา 3 เดือน
“ใช้เป็นตัวอย่าง ผลจากการเข้ารับการรักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย”



ภาพก่อน-หลังการรักษา 3 เดือน
“ใช้เป็นตัวอย่าง ผลจากการเข้ารับการรักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย”
ภาพก่อน-หลังการรักษา 3 เดือน
“ใช้เป็นตัวอย่าง ผลจากการเข้ารับการรักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย”
ภาพก่อน-หลังการรักษา 3 เดือน
“ใช้เป็นตัวอย่าง ผลจากการเข้ารับการรักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย”
ภาพก่อน-หลังการรักษา 3 เดือน
“ใช้เป็นตัวอย่าง ผลจากการเข้ารับการรักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย”
ภาพก่อน-หลังการรักษา 3 เดือน
“ใช้เป็นตัวอย่าง ผลจากการเข้ารับการรักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย”
ภาพก่อน-หลังการรักษา 3 เดือน
“ใช้เป็นตัวอย่าง ผลจากการเข้ารับการรักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย”
ภาพก่อน-หลังการรักษา 3 เดือน
“ใช้เป็นตัวอย่าง ผลจากการเข้ารับการรักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย”
ภาพก่อน-หลังการรักษา 3 เดือน
“ใช้เป็นตัวอย่าง ผลจากการเข้ารับการรักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย”
ภาพก่อน-หลังการรักษา 3 เดือน
“ใช้เป็นตัวอย่าง ผลจากการเข้ารับการรักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย”
ภาพก่อน-หลังการรักษา 3 เดือน
“ใช้เป็นตัวอย่าง ผลจากการเข้ารับการรักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย”
ภาพก่อน-หลังการรักษา 3 เดือน
“ใช้เป็นตัวอย่าง ผลจากการเข้ารับการรักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย”
ภาพก่อน-หลังการรักษา 3 เดือน
“ใช้เป็นตัวอย่าง ผลจากการเข้ารับการรักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย”
ภาพก่อน-หลังการรักษา 3 เดือน
“ใช้เป็นตัวอย่าง ผลจากการเข้ารับการรักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย”
ภาพก่อน-หลังการรักษา 3 เดือน
“ใช้เป็นตัวอย่าง ผลจากการเข้ารับการรักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย”
ภาพก่อน-หลังการรักษา 3 เดือน
“ใช้เป็นตัวอย่าง ผลจากการเข้ารับการรักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย”
ภาพก่อน-หลังการรักษา 3 เดือน
“ใช้เป็นตัวอย่าง ผลจากการเข้ารับการรักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย”