Generic selectors
Exact matches only
Search in title
Search in content
Post Type Selectors
Generic selectors
Exact matches only
Search in title
Search in content
Post Type Selectors
Generic selectors
Exact matches only
Search in title
Search in content
Post Type Selectors
รักษาผิวแพ้ง่าย

Seborrheic Dermatitis คืออะไร?

Seborrheic Dermatitis (SD) คือ ลักษณะอาการทางผิวหนัง เป็นผื่นแดงเกิดการอักเสบของผิว เห็นขอบชัดเจน จะมีสะเก็ดแห้ง ๆ สีขาวหรือเหลืองที่ลอกออกได้ง่ายหรือที่คนทั่วไปเรียกว่า “รังแค” ซึ่งอาจพบร่วมกับอาการคัน บริเวณที่มักพบอาการมี 3 บริเวณ ได้แก่
 
1. บริเวณหน้า ข้างจมูก ระหว่างคิ้ว หลังหู หรือมีสะเก็ดในหูหรือคอ อาจมีอาการอักเสบที่ตา
Seborrheic Dermatitis คืออะไร?

ผิวบริเวณดังกล่าวมักจะ แดง ลอก เป็นขุยมัน ๆ สีขาวหรือเหลือง มีอาการ แห้ง คัน หรือแสบเล็กน้อย จะทำให้ผิวดูไม่เรียบเนียน อาจรู้สึกตึงหรือระคายเวลาล้างหน้า หากมีอาการรุนแรง อาจลามลงมาถึงคอหรือแนวกราม

2. บริเวณเหนือกระดูกซี่โครง หลังตอนบน หน้าอก และรักแร้ ถ้าเป็นที่บริเวณหนังศีรษะ เรียกว่า รังแค (Dandruff)

ผื่นเซ็บเดิร์ม

สะเก็ดละเอียด สีขาวหรือเหลือง ติดอยู่บนพื้นผิวผิวหนังผิวบริเวณนั้นมักจะมีผื่นแดงหรือชมพูอ่อน ๆ มีขุยลอกเป็นสะเก็ดละเอียด สีขาวหรือเหลือง ติดอยู่บนพื้นผิวหนัง อาจรู้สึก คันหรือแสบเล็กน้อย โดยเฉพาะเมื่อมีเหงื่อหรือสัมผัสความร้อน ในบางราย ผิวบริเวณนั้นจะ ดูมันวาวเล็กน้อย จากน้ำมันส่วนเกินที่ผิวผลิตออกมา หากอาการมากขึ้น อาจมี คราบไขมัน หรือสะเก็ดหนาเกาะติดบนผิว

 3. มักพบบริเวณขาหนีบ ใต้อก และสะดือ ในวัยทารก

ผื่นเซ็บเดิร์ม

ผื่นมักมี สีแดงหรือชมพูอ่อน เห็นขอบชัด มีสะเก็ดหรือขุยสีขาว–เหลือง บาง ๆ ปกคลุมอยู่ด้านบน ผิวบริเวณนั้นอาจดูมันเงา หรือรู้สึกแฉะจากน้ำมันผิวหนัง อาจไม่คันมาก แต่ในบางรายอาจมีอาการระคายเคืองร่วมด้วย

สาเหตุและปัจจัยที่เกี่ยวข้อง

ผู้ที่มีอาการ Seborrheic Dermatitis อาจมีการผลิตน้ำมันซึ่งมีกรดผสมอยู่ออกมามาก ทำให้ผิวหนังอักเสบ หรืออาจเกิดจาก เชื้อยีสต์ที่ชื่อ Malassezia ที่เจริญเติบโตอยู่ในต่อมไขมันพร้อมกับแบคทีเรีย ซึ่งทำให้อาการอักเสบคงทนขึ้น SD มักพบใน 3 ช่วงอายุ คือ ทารกหลังคลอด วัยรุ่น และวัยสูงอายุ เนื่องจากอาการของ SD คล้ายกับอาการของโรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis) การวินิจฉัยจึงควรให้แพทย์เป็นผู้ประเมิน อาการของ SD ยังมีความสัมพันธ์กับโรคอื่นๆ เช่น เอดส์ และการติดเชื้อ Malassezia
 

การวินิจฉัย

การวินิจฉัยควรทำโดยแพทย์ผิวหนัง สะเก็ดเงิน (Psoriasis) หรือ ผื่นแพ้สัมผัสเนื่องจากอาการของ Seborrheic Dermatitis คล้ายกับโรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis) หรือผื่นแพ้สัมผัส ดังนั้นการรักษาจึงต้องวางแผนอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะในบริเวณใบหน้าที่เป็นจุดสำคัญทางความงามและไวต่อการระคายเคือง
การป้องกันและรักษาเซ็บเดิร์ม

การป้องกันและรักษาเซ็บเดิร์ม

เซ็บเดิร์มหนังศีรษะ

  • ควรใช้แชมพูที่มีส่วนผสมอย่างใดอย่างหนึ่งของสารที่เป็นส่วนประกอบที่นิยมใช้ในผลิตภัณฑ์ดูแลหนังศีรษะ และมีข้อมูลทางวิชาการรองรับการใช้งานในกลุ่มอาการลักษณะนี้ salicylic acid, coal tar,  zinc pyrithione, selenium sulfide, sulfur, azole และ ketoconazole ที่ช่วยลดความรุนแรงของอาการได้ โดยความเข้มข้นของยาและความถี่จะมีผลต่อผลการรักษา ควรเลือกใช้ตามคำแนะนำของแพทย์
  • ส่วนประกอบในยาสระผม หรือผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับหนังศีรษะ ควรมั่นใจว่ามีความอ่อนโยนสูง เพื่อไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง เนื่องจากจะไปกระตุ้นตัวโรคให้แย่ลงได้
  • ขณะที่สระผมควรนวดหนังศีรษะตรงบริเวณที่เป็นและ ทิ้งไว้สักพัก 5–10 นาที แล้วจึงล้างออก เพื่อทำให้สารซึมซาบลงสู่ผิวหนังและให้ได้ผลดี

เซ็บเดิร์มผิวหน้า

  1. วิเคราะห์ต้นเหตุอย่างละเอียดโดยแพทย์
    ตรวจสอบว่าอาการเป็น Seborrheic Dermatitis จริง ไม่ใช่โรคผิวหนังอื่น ร่วมกับการประเมินระดับการอักเสบ, พฤติกรรมที่กระตุ้น เช่น ความเครียด, แพ้แสง, ใช้ครีมที่ระคายเคือง
  2. ใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและปลอดสารระคายเคือง
    หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำหอม, แอลกอฮอล์, สี หรือพาราเบน แนะนำผลิตภัณฑ์ที่มี ceramides, niacinamide, phytosphingosine, shiso extract และสารลดการอักเสบ เช่น Dipotassium Glycyrrhizinate
  3. ฟื้นฟูเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง รักษาความชุ่มชื้นผิวเป็นหัวใจหลัก โดยเฉพาะในบริเวณข้างจมูก ระหว่างคิ้ว ที่มีแนวโน้มอักเสบง่าย ควรใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ทันทีหลังล้างหน้า เพื่อกักเก็บน้ำในผิว ลดการระเหยของความชุ่มชื้น (Transepidermal Water Loss) ปัจจุบันมีเทคโนโลยีเลเซอร์สำหรับกลุ่มผิวแพ้ง่าย ที่ช่วยกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนใหม่ และเสริมเกราะป้องกันผิว (Skin Barrier) เพื่อลดการอักเสบในระดับผิวหนัง และมุ่งลดโอกาสการระคายเคืองจากการรักษา ทั้งนี้การตอบสนองของผิวแต่ละคนอาจแตกต่างกัน ปรับการทำงานของต่อมไขมัน ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเกิดเซ็บเดิร์ม และอาจช่วยให้ผิวดูแข็งแรงขึ้นเมื่อได้รับการดูแลต่อเนื่อง ผลลัพธ์แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
  4. การใช้ยาทาภายใต้การดูแลแพทย์
    อาจพิจารณาใช้ครีมยาลดการอักเสบชนิดอ่อน หรือกลุ่ม antifungal เช่น ketoconazole cream หลีกเลี่ยงการใช้ยาทาสเตียรอยด์ต่อเนื่อง โดยเฉพาะบริเวณรอบตาและใบหน้า เพราะเสี่ยงต่อผิวบาง และไม่ส่งผลดีต่อผิวในระยะยาว
  5. เลี่ยงปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้เซ็บเดิร์มกำเริบ
    พักผ่อนให้เพียงพอ ลดความเครียด หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด มลภาวะ และอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงฉับพลัน

สรุป

Seborrheic Dermatitis หรือภาวะผิวอักเสบเรื้อรังจากต่อมไขมัน อาจดูเหมือนปัญหาผิวเล็กน้อย แต่หากไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสม อาการอาจกำเริบซ้ำและส่งผลต่อความสบายใจในชีวิตประจำวัน

การรักษาไม่จำเป็นต้องซับซ้อน แต่ควรเริ่มจากการเข้าใจต้นตอของปัญหา เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น และหากอาการไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อวางแผนการดูแลที่เหมาะกับผิวแต่ละคน

การใส่ใจดูแลผิวตั้งแต่ระยะเริ่มต้น จะช่วยลดความรุนแรงของอาการ และช่วยให้ผิวกลับมาแข็งแรงขึ้นในระยะยาว

เขียนบทความโดย

พญ.วิภาณี อัครภูษิต (Wipanee Akarapusit M.D.)
แพทย์ประจำ BSL Clinic เลขว. 39676

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับผิวแพ้ง่าย และภาวะ Seborrheic Dermatitis

Seborrheic Dermatitis เป็นภาวะผิวหนังอักเสบเรื้อรังชนิดหนึ่ง ที่มักเกิดบริเวณที่มีต่อมไขมันเยอะ เช่น หนังศีรษะ ข้างจมูก คิ้ว หลังหู หน้าอกกลางลำตัว มีลักษณะเป็นผื่นแดง ลอกเป็นขุย มัน ๆ และคัน เป็น ๆ หาย ๆ มักกำเริบเมื่อพักผ่อนน้อย เครียด หรือสภาพอากาศเปลี่ยน

Seborrheic Dermatitis (SD) เป็นภาวะทางการแพทย์ที่มีความรุนแรงและซับซ้อนกว่ารังแคทั่วไป มักมีอาการอักเสบ แดง คัน และสะเก็ดมากกว่าปกติ และไม่ได้เกิดเฉพาะที่หนังศีรษะ แต่พบได้บนใบหน้าและส่วนอื่นของร่างกาย บางครั้งจึงจำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยและวางแผนดูแลโดยแพทย์

ไม่จำเป็น ผิวแพ้ง่ายอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น เกราะป้องกันผิวอ่อนแอ ใช้สกินแคร์ไม่เหมาะสม หรือมีประวัติแพ้ผลิตภัณฑ์บางชนิด ส่วน Seborrheic Dermatitis เป็นภาวะผิวหนังอักเสบชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเฉพาะ ทั้งตำแหน่งและลักษณะผื่น หากมีผิวแพ้ง่ายและมีผื่นแดงลอกเป็น ๆ หาย ๆ ควรให้แพทย์ช่วยแยกภาวะที่เป็นอยู่ให้ชัดเจน

เลเซอร์ทั่วไปมักใช้เพื่อผลัดเซลล์ผิว ลอกผิวชั้นบน หรือจัดการจุดลึกบางประเภท เช่น ฝ้า รอยสิว หรือรอยดำบางชนิด ส่วนเลเซอร์ที่ใช้กับกลุ่มผิวแพ้ง่าย จะปรับพลังงานให้เหมาะสมและเลือกช่วงคลื่นที่เน้นการกระตุ้นคอลลาเจน ฟื้นฟูผิว และลดการอักเสบ ลดโอกาสที่ผิวจะระคายเคืองหรือแห้งลอกจากการรักษามากเกินไป

แนวทางทั่วไปคือ

  • หลีกเลี่ยงแดดจัดและความร้อนสูงในช่วงแรก

  • ใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่อ่อนโยน ไม่ใส่น้ำหอมหรือแอลกอฮอล์รุนแรง

  • หลีกเลี่ยงการสครับหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวแสบง่าย

  • ทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอเมื่อออกกลางแจ้ง
    การดูแลตามคำแนะนำช่วยให้ผิวฟื้นตัวได้ราบรื่นและลดโอกาสการระคายเคือง

ควรเลือกแชมพูและคลีนเซอร์ที่อ่อนโยน เน้นลดความมันส่วนเกิน แต่ไม่ทำให้ผิวแห้งตึงมากเกินไป ในบางรายแพทย์อาจแนะนำแชมพูที่มีสารออกฤทธิ์เฉพาะ เช่น กลุ่มต้านยีสต์ หรือลดการอักเสบ ร่วมกับการใช้คลีนเซอร์ใบหน้าสูตรอ่อนโยนสำหรับผิวระคายเคืองง่าย

ปัจจัยเหล่านี้อาจมีส่วนกระตุ้นให้ผื่นกำเริบหรือควบคุมยากขึ้น เช่น ความเครียดสะสม นอนดึก พักผ่อนไม่พอ อาหารมันจัด หวานจัด หรือแอลกอฮอล์ ในหลายคนพบว่าเมื่อจัดสมดุลการใช้ชีวิตดีขึ้น อาการผื่นแดงลอกและคันมักสงบง่ายขึ้นด้วย

ภาวะนี้มักมีลักษณะเป็น ๆ หาย ๆ จึงอาจไม่หายขาดถาวร แต่สามารถควบคุมให้อาการสงบได้นาน หากใช้ยาตามแผนที่แพทย์แนะนำ ร่วมกับการเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เหมาะสม และลดปัจจัยกระตุ้นในชีวิตประจำวัน การดูแลอย่างต่อเนื่องช่วยให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นได้อย่างชัดเจน

ควรพิจารณาพบแพทย์เมื่อ

  • มีผื่นแดงลอก คัน เป็นซ้ำบ่อย

  • ใช้ครีม/แชมพูอ่อนโยนแล้วอาการไม่ดีขึ้นภายใน 1–2 สัปดาห์

  • ผื่นลามกว้าง หรือเริ่มมีน้ำเหลืองหรือสะเก็ดหนา

  • ไม่แน่ใจว่าเป็น SD ผิวแพ้ง่าย หรือโรคผิวหนังชนิดอื่น
    การตรวจโดยแพทย์ช่วยให้ได้รับการวินิจฉัยและแนวทางรักษาที่เหมาะกับแต่ละคนมากขึ้น

แนะนำให้

  • จดหรือถ่ายรูปผลิตภัณฑ์ที่ใช้ ทั้งแชมพู สบู่ล้างหน้า ครีมบำรุง ยาทาผื่น

  • สังเกตว่าผื่นมักกำเริบช่วงไหน เช่น เครียด นอนดึก อากาศเย็นจัด หรือเปลี่ยนผลิตภัณฑ์

  • ถ่ายรูปผื่นช่วงที่อาการชัดเจนเก็บไว้
    ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้แพทย์ประเมินสาเหตุและออกแบบแผนดูแลผิวแพ้ง่ายได้ตรงจุดมากขึ้น

ข้อมูลนี้จัดทำเพื่อให้ความรู้ทั่วไป ไม่ถือเป็นคำแนะนำทางการแพทย์หรือใช้แทนการพบแพทย์ หากมีอาการผิดปกติหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับสุขภาพผิวหรือหนังศีรษะ ควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้ง

หากมีผื่นแดง ลอก คันบริเวณข้างจมูก คิ้ว หนังศีรษะ หรือกลางใบหน้าเป็น ๆ หาย ๆ ลองเปลี่ยนครีมหรือแชมพูแล้วอาการยังกลับมาเหมือนเดิม สามารถส่งรูปปรึกษาได้ที่