Generic selectors
Exact matches only
Search in title
Search in content
Post Type Selectors
Generic selectors
Exact matches only
Search in title
Search in content
Post Type Selectors
Generic selectors
Exact matches only
Search in title
Search in content
Post Type Selectors
โรคผิวหนังหน้าฝน ภัยเงียบที่มากับความชื้น พร้อมวิธีดูแลผิวให้สุขภาพ

การดูแลผิวช่วงหน้าฝน ภัยต่อผิวที่มากับสายฝน

สายฝนที่พร่ำโปรยลงมา ไม่ได้มีแค่เพียงความเย็นชุ่มช่ำเท่านั้น ยังมีภัยต่อผิวหนังของเราซึ่งแอบซ่อนมากับสายฝนในช่วงฤดูฝนนี้อีกด้วย เมื่อฝนตก ภาวะที่หลีกเลี่ยงไม่ได้นั้นคือ อากาศที่อับชื้น ซึ่งเอื้ออำนวยให้เชื้อราเจริญเติบโตได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้นปัญหาที่พบได้เสมอในช่วงหน้าฝน มักมีสาเหตุมาจากเชื้อรา ผื่นผิวหนังอักเสบจากเชื้อรา ซึ่งมีได้หลายรูปแบบ เรามาทำความรู้จักกับผื่นที่พบได้บ่อย ๆ กันดีกว่าค่ะ

ผื่นเชื้อราหน้าฝน

1. โรคเกลื้อน

จะเป็นวงด่าง ๆ สีขาว หรือสีเนื้อ ในบางคนอาจขึ้นเป็นวงสีน้ำตาล ร่วมกับมีขุยสีขาวเล็ก ๆ มักเกิดขึ้นบนผิวหนัง บริเวณหน้าอกและลำตัว อาจมีอาการคันร่วมด้วยได้ นอกจากดูไม่สวยงามแล้ว ยังทำให้เสียบุคลิก โรคเกลื้อนเกิดจากเชื้อราชนิดหนึ่งที่เรียกว่า Malassezia furfur สามารถพบได้บนผิวหนังของคนทั่วไป แต่ปกติแล้วไม่ก่อโรค ยกเว้นในสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสม เช่น คนที่ออกกำลังกาย เหงื่อออก หรือตากฝน แล้วไม่ยอมอาบน้ำ ร่างกายชื้นแฉะอยู่เป็นเวลานาน ทำให้เชื้อเพิ่มจำนวนจนทำให้เกิดผื่นลักษณะดังกล่าวขึ้น

2. โรคเชื้อราแคนดิดา

ในคนที่ภูมิคุ้มกันไม่ค่อยดี เช่น ผู้ที่เป็นเบาหวาน หรือคนที่มีน้ำหนักมาก อาจเกิดผื่นสีแดงแฉะขึ้นตามบริเวณข้อพับ เช่น รักแร้ ขาหนีบ หรือใต้ราวนม ร่วมกับมีอาการคันมาก สาเหตุเกิดจากการติดเชื้อยีสต์ในกลุ่มแคนดิดา (Candida) ซึ่งโดยทั่วไปมักตอบสนองต่อยาทาฆ่าเชื้อราที่ใช้รักษา แต่ก็ยังมีโอกาสกลับเป็นซ้ำได้ จึงควรให้แพทย์ประเมินอาการและเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละคน เพราะยีสต์ชนิดนี้พบได้ในร่างกายของคนเรา เช่น บริเวณช่องปาก ระบบทางเดินอาหาร และช่องคลอด

3. โรคกลาก

เกิดจากเชื้อรากลุ่ม Dermatophytes ซึ่งอยู่ตามสิ่งแวดล้อม เช่น หิน ดิน ทราย รวมทั้งในสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัขและแมว จะเจริญเติบโตและแพร่พันธุ์ได้ดีมากในอากาศร้อนชื้น อาจทำให้เกิดการติดเชื้อกลากได้หลายตำแหน่ง ได้แก่

3.1 โรคน้ำกัดเท้าหรือเชื้อราที่เท้า ช่วงที่ฝนตกมาก ๆ บางพื้นที่อาจมีน้ำท่วมขัง หรือเวลาฝนตกนานเป็นชั่วโมง ทำให้ต้องเดินย่ำน้ำ ชื้นแฉะ เป็นเวลานานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และหากยังไม่รีบทำความสะอาดเท้า ผ่านไปสักระยะหนึ่งอาจพบว่าผิวตามซอกนิ้วเท้าลอกเป็นขุยขาว ๆ หรือเปียกยุ่ย หรืออาจถึงขั้นเป็นแผล มีน้ำเหลืองแฉะที่ผิว การรักษาโรคราที่เท้า ควรล้างเท้าให้สะอาดด้วยสบู่และเช็ดให้แห้ง ใส่ถุงเท้าที่สะอาดและไม่เปียกชื้นใช้ครีมกันเชื้อราหรือโรยแป้งฝุ่นที่เท้า

3.2 สังคัง คือการติดเชื้อกลากบริเวณขาหนีบ ต้นขา ข้อพับต้นขา เริ่มต้นเป็นตุ่มแดงเล็ก ๆ ค่อย ๆ ขยายกว้างออกจนเป็นวงกลม เห็นเป็นขอบเขตชัดเจน ผิวจะแห้งและอาจมีขุยบริเวณตรงกลางมักเป็นผิวหนังปกติ มีอาการคัน วงมีขนาดตั้งแต่เล็กถึงขนาดใหญ่

3.3 กลากที่ศีรษะ พบในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ ส่วนมากเห็นเป็นวงกลม ขอบเขตชัดเจน มีสะเก็ดหรือขุย บริเวณนั้นอาจมีผมร่วงเป็นหย่อม ๆ และจะพบผมหักร่วมด้วย บางครั้งพบลักษณะที่เรียกว่าชันนะตุ ซึ่งเป็นกลากชนิดที่มีการอักเสบมาก อาจพบเป็นก้อนใหญ่แล้วแตกออกมีน้ำเหลืองแห้งกรังได้

3.4 โรคติดเชื้อราที่เล็บ ส่วนมากพบในผู้ใหญ่ เล็บของคนแก่ซึ่งยาวช้าจะมีโอกาสติดเชื้อราได้ง่าย อาจพบที่ตรงปลายเล็บหรือด้านข้าง มีสีขาวหรือเหลืองปนน้ำตาล ต่อมาใต้เล็บจะหนาขึ้นและดันเล็บให้ยกขึ้นหรืออาจจะพบที่ผิวบนของเล็บก็ได้ ลักษณะเป็นดวงสีขาว หรือมีขุยขาวๆ อยู่ที่ส่วนบนของเล็บ ส่วนกลากที่โคนเล็บพบน้อย เริ่มแรกจะมีสีขาวหรือขาวปนน้ำตาลเกิดขึ้นที่ส่วนโคนเล็บ ต่อมาจะขยายออกจนเป็นทั้งเล็บ ต้องรักษาด้วยการรับประทานยาฆ่าเชื้อรา

ผื่นเชื้อราหน้าฝน

นอกจากเชื้อรา ยังมีเชื้อแบคทีเรียที่แอบแฝงมาด้วย

  1. โรคเท้าเหม็น
    มักพบในผู้ชายที่เหงื่อเยอะ หรือใส่ถุงเท้าที่ทำจากใยสังเคราะห์หนา ๆ ซึ่งมักจะแห้งยากในหน้าฝน เวลาถอดรองเท้า บางคนอาจมีกลิ่นเหม็นโชยออกมา เวลาถอดถุงเท้าจะรู้สึกว่าถุงเท้าติดกับฝ่าเท้า เมื่อก้มดูที่ฝ่าเท้า จะเห็นเป็นรูพรุนเล็ก ๆ หรือเป็นแอ่งเว้าแหว่งตื้น ๆ
  2. โรคฉี่หนู
    ผู้ป่วยที่มีอาการไข้ขึ้นสูง ปวดกล้ามเนื้อ และเป็นกลุ่มเสี่ยง คือ อยู่ในบริเวณน้ำท่วมขัง เล่นน้ำ หรือย่ำน้ำในช่วงฤดูฝนนี้ ควรรีบพบแพทย์ทันที เพื่อให้ตรวจและวินิจฉัยอย่างถูกต้อง เนื่องจากผู้ป่วยโรคฉี่หนูส่วนใหญ่ที่เสียชีวิต มักจะไม่ได้รับการรักษาโรคฉี่หนูอย่างทันท่วงที เนื่องจากคิดว่าเป็นไข้หวัดธรรมดา
ผื่นเชื้อราหน้าฝน

สรุป

ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่าสาเหตุของโรคส่วนใหญ่มาจากการย่ำน้ำสกปรกหรือปล่อยให้ผิวหนังอับชื้นอยู่เป็นระยะเวลานาน ทำให้เชื้อโรคซึ่งพบได้ตามสิ่งแวดล้อมทั่วไป เพิ่มจำนวนขึ้นจนก่อให้เกิดโรค ดังนั้นการป้องกันอันดับแรก คือ หลีกเลี่ยงการเหยียบย่ำน้ำ หรือตากฝน ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อกลับถึงที่พัก ควรรีบถอดเสื้อผ้า แล้วอาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย โดยใช้สบู่หรือสารทำความสะอาดทั่วไป ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำยาฆ่าเชื้อชนิดพิเศษแต่อย่างใด เพราะอาจแรงเกินไป เสร็จแล้วใช้ผ้าซับ หรือใช้พัดลมเป่าให้แห้ง การโรยแป้งฝุ่นสามารถช่วยลดความชื้นและการเสียดสีได้ เสื้อผ้าและถุงเท้าที่ใช้ควรทำจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ผ้าฝ้ายที่ไม่หนาจนเกินไป เพื่อให้ระบายอากาศได้ดี หน้าฝนผ้ายีนส์ เสื้อผ้าหนังจะแห้งยากทำให้เกิดความอับชื้นได้ง่าย จึงควรระวังเป็นพิเศษ นอกจากนี้แล้วการใส่รองเท้าแตะบ้าง ก็ช่วยลดโอกาสการติดเชื้อราที่เท้าได้เช่นกัน สิ่งสำคัญคือ เมื่อเกิดความผิดปกติของผิวหนังควรรีบปรึกษาแพทย์ที่ดูแลด้านผิวหนัง เพื่อให้ช่วยประเมิน วินิจฉัย และวางแผนการรักษาให้เหมาะสมกับสภาพผิวและอาการของแต่ละคนค่ะ หน้าฝนนี้อย่าลืมพกร่มติดตัวด้วยนะคะ!

บทความโดย :
พญ. กนกวรรณ เศรษฐพงศ์วนิช สถาบันโรคผิวหนัง
http://dst.or.th/html/index.php?op=article-detail&id=915&csid=11&cid=23#.WDQm1rKLSUk

เขียนบทความโดย

นพ. วุฒินันท์ สิทธิผลวนิชกุล (Wutinan Sithipolvanichgul, M.D.)
แพทย์ประจำ BSL Clinic เลขว. 39678

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโรคผิวหนังหน้าฝน

ช่วงหน้าฝนมักมีความชื้นสูง เสื้อผ้าและรองเท้าแห้งช้ากว่าปกติ จึงเอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อราและแบคทีเรียมากขึ้น ควรดูแลให้ผิวแห้งสะอาด เปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกชื้นโดยเร็ว และหลีกเลี่ยงการใส่เสื้อผ้าหรือรองเท้าที่อับเป็นเวลานาน

มีโอกาสเกิดเชื้อราได้ โดยเฉพาะในบริเวณที่อับชื้น เช่น ขาหนีบ ซอกนิ้วเท้า ร่องก้น หรือใต้ราวนม หากเช็ดตัวไม่แห้งหรือปล่อยให้ผิวอับชื้นต่อเนื่องกันหลายวัน อาจทำให้เกิดผื่นคันหรือเชื้อราได้ง่ายขึ้น จึงควรซับผิวให้แห้งทุกครั้งหลังอาบน้ำ

แป้งฝุ่นอาจช่วยซับความชื้นและลดการเสียดสีของผิวในบางบริเวณได้ แต่ควรใช้ในปริมาณพอเหมาะ และเลือกชนิดที่ไม่ทำให้รูขุมขนอุดตัน หลีกเลี่ยงการโรยแป้งหนาเกินไปหรือทับหลายชั้น เพราะอาจทำให้เกิดการอับชื้นหรือระคายเคืองผิวได้เช่นกัน

เบื้องต้นควรล้างเท้าให้สะอาด ซับให้แห้ง โดยเฉพาะตามซอกนิ้วเท้า และพยายามหลีกเลี่ยงการยืนหรือลุยน้ำสกปรก หากมีอาการคัน แดง ลอก อาจใช้ยาทารักษาเชื้อราตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร หากอาการไม่ดีขึ้นหรือมีแผลแตก เจ็บมาก ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินเพิ่มเติม

พบได้หลากหลาย เช่น เชื้อราที่ผิวหนัง น้ำกัดเท้า ผื่นจากความอับชื้น ผื่นแพ้สัมผัส สิวผดจากอากาศร้อนชื้น หรือการติดเชื้อแบคทีเรียในบางกรณี ความรุนแรงของอาการแตกต่างกันไป หากมีผื่นคันเรื้อรัง หรือมีน้ำเหลือง ไข้ร่วมด้วย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสาเหตุที่ชัดเจน

การใส่เสื้อผ้าและรองเท้าที่เปียกหรือชื้นเป็นเวลานาน อาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง อับชื้น และเสี่ยงต่อการเกิดเชื้อรา ผดผื่นคัน หรือกลิ่นอับ ควรเปลี่ยนเสื้อผ้าเมื่อเปียกฝนและนำรองเท้าไปผึ่งลมหรือแดดให้แห้งสนิทก่อนใช้งานในครั้งถัดไป

เด็กเล็กและผู้สูงอายุอาจมีผิวบอบบางหรือมีภูมิคุ้มกันแตกต่างจากผู้ใหญ่ทั่วไป ทำให้ไวต่อการระคายเคืองและการติดเชื้อบางชนิดได้ง่ายขึ้น จึงควรดูแลเรื่องความสะอาด การเช็ดตัวให้แห้ง เปลี่ยนเสื้อผ้าและผ้าอ้อมเมื่อชื้น รวมถึงสังเกตผื่นหรือรอยโรคผิดปกติ หากมีอาการคันมากหรือเป็นซ้ำบ่อย ๆ ควรปรึกษาแพทย์

ส่วนใหญ่การอาบน้ำวันละ 1–2 ครั้งยังถือว่าเพียงพอ ขึ้นอยู่กับกิจกรรมในแต่ละวัน หากเปียกฝน หรือต้องลุยน้ำสกปรก ควรอาบน้ำทำความสะอาดทันที เลือกสบู่หรือเจลอาบน้ำที่ไม่ทำให้ผิวแห้งตึงจนเกินไป และล้างออกให้สะอาด จากนั้นซับผิวให้แห้ง โดยเฉพาะบริเวณข้อพับและซอกต่าง ๆ

หากผื่นคันเป็นเพียงเล็กน้อยและหายไปภายในไม่กี่วันหลังจากดูแลผิวให้แห้งสะอาด อาจเป็นการระคายเคืองเล็กน้อยจากความชื้น แต่ถ้าผื่นมีลักษณะเป็นวง ขอบชัด แดง คันมาก มีลอกเป็นขุย หรือเป็นซ้ำ ๆ ในตำแหน่งเดิม รวมถึงมีน้ำเหลือง เจ็บ หรือบวมแดง ควรพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยว่ามีการติดเชื้อ เช่น เชื้อรา หรือแบคทีเรียร่วมด้วยหรือไม่

ลองสังเกตว่ามักเป็นในช่วงหรือพฤติกรรมใด เช่น ลุยน้ำบ่อย ใส่รองเท้าผ้าใบชื้นเป็นประจำ หรือชอบใส่เสื้อผ้ารัดแน่น เมื่อทราบสาเหตุที่เป็นไปได้ ควรปรับพฤติกรรม เช่น เปลี่ยนรองเท้าให้แห้งสะอาด ลดการลุยน้ำสกปรก สวมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศดี และหมั่นดูแลผิวให้แห้งอยู่เสมอ หากยังมีปัญหาแม้พยายามปรับแล้ว ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีดูแลที่เหมาะกับสภาพผิวของตนเองมากขึ้น

ข้อมูลนี้จัดทำเพื่อให้ความรู้ทั่วไป ไม่ถือเป็นคำแนะนำทางการแพทย์เฉพาะบุคคล ผู้ที่มีอาการผิดปกติควรพบแพทย์ทุกครั้งก่อนตัดสินใจรับการรักษา

หากกำลังมีผื่นคัน ผด หรือปัญหาผิวที่มักเป็นซ้ำในช่วงหน้าฝน และยังไม่แน่ใจว่าสาเหตุเกี่ยวกับเชื้อราหรือความอับชื้นมากน้อยแค่ไหน สามารถปรึกษา BSL Clinic ได้ที่