Generic selectors
Exact matches only
Search in title
Search in content
Post Type Selectors
Generic selectors
Exact matches only
Search in title
Search in content
Post Type Selectors
Generic selectors
Exact matches only
Search in title
Search in content
Post Type Selectors
โปรแกรมรักษา รังแค คันหนังศีรษะ

โปรแกรมรักษา รังแค คันหนังศีรษะ

รังแคที่หนังศีรษะเป็นภาวะที่สามารถดูแลและบรรเทาอาการได้

เมื่อได้รับการประเมินและรักษาตามคำแนะนำของแพทย์ ทั้งนี้ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล

รังแค คันหนังศีรษะ ผมร่วง ปัญหากวนใจที่ต้องเร่งรักษา

สาเหตุของการเกิดผมร่วงอาจเกิดได้จากหลายปัจจัย แต่สาเหตุหลัก ๆ มักเกี่ยวข้องกับกรรมพันธุ์ และการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย นอกจากนี้ รังแคยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดการหลุดร่วงของเส้นผม

การเกิดรังแคมักเกี่ยวข้องกับการอักเสบของผิวหนังบริเวณศีรษะ จึงทำให้มีการหลุดร่วงของเส้นผมมากกว่าปกติ เมื่อมีรังแค หลายคนรู้สึกเสียบุคลิกภาพ เพราะรังแคเป็นขุยสีขาว ๆ อยู่บนหนังศีรษะ อันที่จริง รังแคคือส่วนหนึ่งของหนังศีรษะที่หลุดลอกออกมา และมักหลุดร่วงมาพร้อมเส้นผม ตกตามเสื้อผ้า หรือเป็นแผ่นเล็ก ๆ ติดอยู่ที่เส้นผมบนศีรษะ หากปล่อยไว้โดยไม่ดูแลรักษาอย่างเหมาะสม อาจทำให้ผมหลุดร่วงมากขึ้นได้

นอกจากนี้ รังแคยังเป็นปัจจัยที่อาจทำให้ผมร่วงจากกรรมพันธุ์ หรือผมร่วงจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเกิดเร็วขึ้นกว่าเดิมได้ ดังนั้นถ้าใครที่เริ่มเป็นรังแคในระยะเริ่มแรก ควรหาวิธีรักษาเพื่อช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผมและป้องกันการอักเสบของหนังศีรษะ

สาเหตุของการเกิดรังแค

สาเหตุของการเกิดรังแค
  1. เกิดจากการติดเชื้อที่หนังศีรษะ เช่น เชื้อราบนหนังศีรษะ โดยทั่วไปคนเรามักมีเชื้อชนิดนี้อยู่บ้าง แต่ปริมาณอาจมากน้อยต่างกัน ผู้ที่เป็นรังแคอาจมีปัจจัยต่าง ๆ ทำให้เชื้อราบนหนังศีรษะเจริญเติบโตได้มากกว่าปกติ จนเกิดการติดเชื้อที่หนังศีรษะตามมา
  2. สิ่งแวดล้อมภายนอก และมลภาวะต่าง ๆ ที่เราสัมผัสในทุกวัน ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการอักเสบ และเกิดรังแคบนหนังศีรษะได้เช่นกัน
  3. ความเครียด ผู้ที่มีความเครียดจะทำให้ระบบการทำงานต่าง ๆ ของร่างกายผิดปกติ กระตุ้นให้เกิดการอักเสบของผิวหนัง รวมถึงหนังศีรษะ จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่กระตุ้นให้เกิดรังแค
  4. การแพ้หรือระคายเคืองจากเครื่องสำอางและสารเคมีต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแชมพูสระผม ยาย้อมผม ยาดัดผม หรือยายืดผม เป็นต้น
  5. โรคเกี่ยวกับผิวหนังและเส้นผม ที่พบได้บ่อย เช่น seborrheic dermatitis โรคสะเก็ดเงิน โรคผิวหนังและรูขุมขนอักเสบ หรือโรคติดเชื้อ เช่น เชื้อรา และเชื้อแบคทีเรีย
โรคเซ็บเดิร์ม

โรคเซ็บเดิร์ม เป็นโรคผิวหนังเรื้อรังที่มักเป็น ๆ หาย ๆ

การดูแลต่อเนื่องร่วมกับการรักษาตามคำแนะนำของแพทย์ สามารถช่วยบรรเทาอาการและลดโอกาสการกำเริบในระยะยาวได้ในหลายคน ทั้งนี้ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล

ถือได้ว่าเป็นโรคที่พบได้บ่อย อาการ seborrheic dermatitis มักเป็นเรื้อรัง เป็น ๆ หาย สร้างความรำคาญใจอย่างมาก ลักษณะอาการคือ เป็นผื่นแดง หรือเป็นผื่นมัน ๆ เห็นขอบชัดเจน โดยที่ด้านบนมีสะเก็ดแห้ง ๆ เป็นขุยสีขาวเหลือง ซึ่งมักหลุดลอกออกอยู่บ่อย ๆ บริเวณที่มักพบอาการ เช่น ถ้าเป็นที่บริเวณหนังศีรษะ เรียกว่า รังแค (Dandruff) อาจเกิดที่บริเวณหน้า ข้างจมูก ระหว่างคิ้ว หลังหู หรือมีสะเก็ดในหู คอ อาจมีอาการอักเสบที่ตาบริเวณเหนือกระดูกซี่โครง หลังตอนบน และหน้าอก รักแร้ ในวัยทารกมักพบในบริเวณขาหนีบ ใต้อก และสะดือ

ผู้ที่เป็น Seborrheic dermatitis อาจมีการผลิตน้ำมันซึ่งมีกรดผสมอยู่ออกมามาก ทำให้ผิวหนังอักเสบ หรืออาจเกิดจาก เชื้อยีสต์ที่ชื่อ Malassezia ที่เจริญเติบโตอยู่ในต่อมไขมันพร้อมกับแบคทีเรียซึ่งทำให้อาการอักเสบรุนแรงขึ้น

Seborrheic dermatitis มักพบใน 3 ช่วงอายุ คือ ทารกหลังคลอด วัยรุ่น และวัยสูงอายุ เนื่องจากอาการของ Seborrheic dermatitis คล้ายกับอาการของโรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis) การวินิจฉัยจึงควรให้แพทย์เป็นผู้ประเมินและวางแผนการรักษา

Seborrheic dermatitis ยังมีความสัมพันธ์กับโรคอื่น ๆ เช่น พาร์กินสัน โรคทางระบบประสาทและสมอง และการติดเชื้อ Malassezia ความเครียด ความร้อน เหงื่อ อาหารที่มีส่วนประกอบของยีสต์ ชีส ขนมปัง นม เนย การพักผ่อนไม่เพียงพอ เป็นต้น

การป้องกันและรักษา

การป้องกันและรักษาอาการคันหนังศีรษะ
  1. เลือกใช้แชมพูสระผมที่มีส่วนผสมอย่างใดอย่างหนึ่งในกลุ่มสารที่ใช้ดูแลปัญหาหนังศีรษะตามข้อมูลทางการแพทย์ ความเข้มข้นของยาและวิธีใช้มีผลต่อผลการรักษา จึงควรให้แพทย์เป็นผู้ประเมินและสั่งยาให้เหมาะสมกับแต่ละคน
  2. การใช้เทคโนโลยีในการลดสาเหตุของปัญหาขึ้นกับชนิดของโรค เช่น การลดต่อมไขมันบริเวณหนังศีรษะ
  3. หลังจากสระผมเสร็จแล้ว ควรเป่าผมให้แห้ง อย่าปล่อยให้เส้นผมแห้งเอง หลายคนมักชอบสระผมตอนเย็นและเข้านอนทั้ง ๆ ที่ผมยังเปียก วิธีนี้เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดเชื้อราบนหนังศีรษะ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดรังแค
  4. หลีกเลี่ยงไม่ให้เส้นผมและหนังศีรษะสัมผัสกับสารเคมีต่าง ๆ บ่อยจนเกินไป เช่น ในช่วงที่ต้องการรักษารังแค ควรหยุดการใช้สารเคมีกับเส้นผมไปก่อน ไม่ว่าจะเป็นการย้อมผม ดัดผม หรือยืดผม เป็นต้น
  5. ส่วนประกอบในยาสระผมหรือผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับหนังศีรษะ ควรเลือกให้มีความอ่อนโยนและเหมาะกับสภาพผิว เพื่อลดโอกาสการระคายเคือง เนื่องจากการระคายเคืองอาจกระตุ้นให้อาการแย่ลงได้ ทั้งนี้การตอบสนองของหนังศีรษะแต่ละคนอาจแตกต่างกัน
  6. ขณะที่สระผม ควรนวดหนังศีรษะตรงบริเวณที่มีปัญหา และทิ้งไว้ประมาณ 5–10 นาที แล้วจึงล้างออก เพื่อช่วยให้สารออกฤทธิ์สัมผัสกับผิวหนังได้เพียงพอ ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
  7. ลดความเครียด และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ รวมทั้งควรรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ โดยเฉพาะผักและผลไม้ต่าง ๆ

*** ในกรณีที่อาการมาก ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม ไม่ควรปล่อยให้อาการรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันเป็นเวลานาน ***

อัปเดตเทรนด์ความรู้

FBCICM20205

การดูแลรักษาผิวจากงาน CICM 2025

คุณหมอวิภาณี ตัวแทน BSL อัปเดตเทรนด์ความรู้ เจาะลึกการดูแลรักษาผิวจากงาน CICM 2025 เพื่อนำกลับมาพัฒนาวิธีการรักษาให้กับผู้ใช้บริการ
CICM 2025 Aesthetic Dermatology : Evidence Based Medicine ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี และแพทย์ BSL ไม่เคยพลาดที่จะไปอัปเดตข้อมูลความรู้และงานวิจัยเกี่ยวกับการรักษาทางด้านผิวหนัง สิว ฝ้า กระ ปัญหาผมร่วงและหนังศีรษะ รวมถึงหัตถการด้าน Aesthetic ยกกระชับผิวหน้า ลำคอ ลำตัว และการลดน้ำหนัก กระชับสัดส่วน เพื่อให้แพทย์สามารถนำความรู้นี้มาปรับใช้ในการดูแลและวางแผนการรักษาให้เหมาะสมกับสภาพผิวและปัญหาของแต่ละคน โดยไม่ได้เป็นการรับประกันผลลัพธ์เฉพาะราย

เขียนบทความโดย:

นพ. วุฒินันท์ สิทธิผลวนิชกุล (Wutinan Sithipolvanichgul, M.D.)

แพทย์ประจำ BSL Clinic เลขว. 39678