ผื่นผิวหนังอักเสบ (Eczema) เป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่ง พบได้ที่ผิวหนังทุกส่วนของร่างกาย แต่ผู้ป่วยส่วนหนึ่งจะพบผื่นผิวหนังอักเสบที่มือ หรือ แฮนด์ เอ็กซีม่า (Hand eczema) ผู้ป่วยกลุ่มนี้ ควรจะได้รับการดูแลเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวบอบบางและต้องการรักษาผิวแพ้ง่ายบริเวณมือ เนื่องจากมือเป็นอวัยวะที่มีการใช้หยิบจับสิ่งของ และสัมผัสสิ่งต่าง ๆ ตลอดเวลา ดังนั้นเพื่อป้องกันการเกิดโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ จึงควรปฏิบัติตัวให้ถูกต้อง
สาเหตุของผื่นผิวหนังอักเสบที่มือ อาจเกิดจากการสัมผัสกับสารที่ก่อให้เกิดการแพ้ (Allergen) หรือสารที่ระคายเคืองต่อผิว เช่น ผงซักฟอก สบู่ น้ำยาทำความสะอาด หรือสารเคมีต่าง ๆ แม้แต่ส่วนผสมบางอย่างในเครื่องสำอางและในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ใช้เป็นประจำ การสัมผัสกับน้ำบ่อย ๆ การถูกอากาศแห้งจัด หรือเย็นจัด ก็สามารถก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวได้ เมื่อเกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองจะทำให้ผิวที่มือแห้ง แตก ลอก คัน และเกิดอาการอักเสบในที่สุด ผิวหนังบริเวณมือที่แตกแห้งจะสูญเสียความแข็งแรงและความสามารถในการต้านทานกับสิ่งที่สัมผัส ทำให้สารต่าง ๆ ซึมผ่านผิวได้มากขึ้น และกระตุ้นให้เกิดอาการระคายเคือง หรือแพ้ได้ง่ายกว่าปกติโดยมากจะพบว่าเริ่มมีอาการแห้งแตกและเป็นตุ่มคัน ถ้าขาดการดูแลรักษาที่ถูกต้องในช่วงเริ่มต้น อาการต่าง ๆ ของผื่นผิวหนังอักเสบ ที่มือจะรุนแรงมากขึ้น
1. หลีกเลี่ยงสารที่แพ้ หากผื่นผิวหนังอักเสบเป็นเรื้อรังและท่านสงสัยว่าจะเกิดจากการแพ้สารที่สัมผัส ท่านสามารถพบแพทย์เพื่อทำการทดสอบผื่นแพ้สัมผัสที่ผิวหนัง (Patch Test) เมื่อทราบว่าแพ้ สารใดสารหนึ่งควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารนั้น
2. ล้างมืออย่างเหมาะสม
3. หลีกเลี่ยงการใช้สบู่และผงซักฟอกที่มีฤทธิ์เป็นด่างซึ่งจะทำให้ผิวหนังที่มีอาการอักเสบเกิดการระคายเคือง และทำให้ผิวแห้งตึงจึงควรใช้แต่น้อยโดยฟอกเฉพาะบริเวณที่จำเป็น เช่น ตามซอกพับ ซอกอับต่าง ๆ
4. ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นผิว เช่น ครีม โลชั่น หรือ มอยส์เจอร์ไรเซอร์ ทามือบ่อย ๆ ทาซ้ำทุกครั้งที่รู้สึกผิวแห้งตึง และทุกครั้งหลังล้างมือหรือถอดถุงมือ เพื่อไม่ให้มือแห้ง
5. การสวมถุงมือ แนะนำให้ใส่ถุงมือ เมื่อทำงานที่ เปียกแฉะ หรือต้องสัมผัสกับน้ำ
6. ข้อปฏิบัติอื่น ๆ
อาการผื่น ตุ่มใส และคันตามร่างกาย เป็นสัญญาณที่พบได้หลายโรค หนึ่งในนั้นคือ อีสุกอีใส หากคุณอยากรู้ว่าอีสุกอีใสมีลักษณะผื่นแบบไหน ระยะการดำเนินโรคเป็นอย่างไร สามารถคลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ผิวหนังอักเสบที่มือสามารถดูแลได้ด้วยวิธีที่เหมาะสม ผิวหนังอักเสบที่มือมักเกิดจากการสัมผัสกับสารระคายเคือง หรือการล้างมือบ่อยโดยไม่ดูแลความชุ่มชื้น การดูแลควรเริ่มจากการหลีกเลี่ยงสารกระตุ้น ร่วมกับการฟื้นฟูความชุ่มชื้นของผิวอย่างสม่ำเสมอ หากอาการเป็นเรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการวินิจฉัยและแนวทางการรักษาอย่างเหมาะสม
เขียนบทความโดย
นพ. วุฒินันท์ สิทธิผลวนิชกุล (Wutinan Sithipolvanichgul, M.D.)
แพทย์ประจำ BSL Clinic เลขว. 39678
ถ้าเริ่มมีผิวแห้ง ลอก แตก คัน และมีผื่นแดง ๆ หรือตุ่มน้ำใสขึ้นร่วมด้วย โดยเฉพาะช่วงที่ใช้ผงซักฟอก น้ำยาทำความสะอาด หรือสัมผัสสารบางอย่างบ่อย ๆ มีโอกาสเป็นผื่นผิวหนังอักเสบที่มือมากกว่าผิวแห้งทั่วไป ถ้าเริ่มเป็นบ่อยหรือรบกวนการใช้ชีวิต ควรให้แพทย์ช่วยประเมินค่ะ
หากทามอยส์เจอไรเซอร์ หลีกเลี่ยงสารระคายเคืองแล้ว อาการยังเป็นเรื้อรัง เป็น ๆ หาย ๆ มีแผลแตก เจ็บ แสบมาก หรือเริ่มมีน้ำเหลืองซึม ควรพบแพทย์ที่ดูแลด้านผิวหนัง เพื่อประเมินว่ามีการติดเชื้อร่วมด้วยหรือไม่ และวางแผนใช้ยาทา–ยากินที่เหมาะกับระยะของอาการในตอนนั้นค่ะ
มีโอกาสกระตุ้นให้ผิวแห้งและระคายเคืองมากขึ้น โดยเฉพาะในคนที่มีผิวมือแพ้ง่ายอยู่แล้ว จึงควรเลือกสูตรที่อ่อนโยน หรือเลือกใช้สบู่อ่อน ๆ ร่วมกับน้ำเปล่าแทนบางครั้ง และทามอยส์เจอไรเซอร์ทันทีหลังล้างมือหรือหลังใช้แอลกอฮอล์ทุกครั้ง เพื่อลดการสูญเสียน้ำจากผิวค่ะ
มีโอกาสกลับมาได้ หากยังต้องสัมผัสสารกระตุ้นเดิม ๆ เช่น ผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน แอลกอฮอล์ น้ำยาทำความสะอาด หรือทำงานที่ต้องล้างมือบ่อยโดยไม่ทาครีมบำรุงตาม จึงมักต้องดูแลทั้งการหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น การป้องกันผิว และใช้ยาหรือครีมบำรุงอย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยควบคุมอาการในระยะยาว
แนะนำเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีน้ำหอม ไม่ใส่สี และไม่มีส่วนผสมที่มักก่อให้เกิดการแพ้ เลือกเนื้อครีมหรือเนื้อขี้ผึ้งที่ให้ความชุ่มชื้นสูง เช่น ครีมเข้มข้น หรือผลิตภัณฑ์ลักษณะคล้ายวาสลิน เพราะช่วยลดการสูญเสียน้ำจากผิวได้ดีกว่าโลชั่นเนื้อเหลว และทาซ้ำทุกครั้งหลังล้างมือหรือเมื่อรู้สึกผิวแห้งตึงค่ะ
ในกลุ่มที่ต้องล้างมือบ่อย ควร
เลือกผลิตภัณฑ์ล้างมือที่อ่อนโยน
ทามอยส์เจอไรเซอร์หรือครีมให้ความชุ่มชื้นทุกครั้งหลังล้างมือ
ใช้ถุงมือให้เหมาะกับลักษณะงาน เช่น ถุงมือไวนิลหรือ PVC เมื่อต้องทำงานเปียก หลีกเลี่ยงใส่นานเกินไปจนมืออับชื้น
พยายามลดการสัมผัสสารระคายเคืองโดยตรง และใช้เครื่องมือช่วย เช่น แปรงด้ามยาว หรือเครื่องล้างจาน แทนการใช้มือเปล่าบ่อย ๆ
ไม่จำเป็นทุกคน แต่หากผื่นเป็นเรื้อรัง รักษาแล้วกลับมาเป็นซ้ำ และสงสัยว่าเกี่ยวกับการแพ้สารบางชนิด เช่น สบู่ น้ำหอม น้ำยาทำความสะอาด หรือสารเคมีในการทำงาน แพทย์อาจแนะนำการทดสอบผื่นแพ้สัมผัสที่ผิวหนัง (Patch Test) เพื่อช่วยหาสารที่เป็นตัวกระตุ้น จะได้วางแผนหลีกเลี่ยงได้ตรงจุดมากขึ้นค่ะ
โดยทั่วไปแนะนำให้ใช้ถุงมือพลาสติก ไวนิล หรือ PVC เมื่อทำงานที่ต้องเปียก แทนการใช้ถุงมือยางธรรมชาติ เพราะยางบางชนิดอาจกระตุ้นให้เกิดการแพ้สัมผัสได้ ในการใส่ถุงมือแต่ละครั้งไม่ควรใส่นานเกิน 10–15 นาที และควรเปลี่ยนทันทีเมื่อรู้สึกว่าด้านในถุงมือชื้น เพื่อป้องกันความอับชื้นที่ทำให้ผิวระคายเคืองมากขึ้นค่ะ
ในช่วงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร บางครั้งการใช้ยาทาบางกลุ่มหรือยากินบางชนิดอาจต้องพิจารณาเป็นพิเศษ จึงควรแจ้งแพทย์ทุกครั้งว่ากำลังตั้งครรภ์ วางแผนมีบุตร หรือให้นมบุตรอยู่ แพทย์จะช่วยเลือกแนวทางดูแลผิวที่เหมาะสมกับช่วงเวลานั้น และอธิบายวิธีเลี่ยงสารระคายเคืองร่วมกับการบำรุงผิวให้เหมาะกับคุณค่ะ
แนะนำให้
จดหรือถ่ายรูปผลิตภัณฑ์ที่ใช้เป็นประจำ เช่น สบู่ล้างมือ ผงซักฟอก ครีมบำรุง
ถ่ายรูปผื่นในวันที่เป็นมาก และวันที่อาการดีขึ้นเก็บไว้
สังเกตว่างานที่ทำหรือกิจกรรมใดบ้างที่ทำให้ผื่นกำเริบ
ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้แพทย์ประเมินสาเหตุที่เป็นไปได้ และวางแผนการรักษาและการปรับพฤติกรรมให้เหมาะกับคุณได้ละเอียดขึ้นค่ะ
ข้อมูลนี้จัดทำเพื่อให้ความรู้ทั่วไป ไม่ถือเป็นคำแนะนำทางการแพทย์ การตัดสินใจเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสมควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้ง โดยอาศัยการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และประเมินสภาพผิวเป็นรายบุคคล